หัวข้อ: ภาพ Dramatic เริ่มหัวข้อโดย: Fibo ที่ 04/08/10, [17:57:24] ช่วยอธิบายการถ่ายภาพแบบ Dramatic หน่อยครับ [on_abe] ยากมากไหม ต้องไปเรียนที่ไหนดีครับ
หัวข้อ: Re: ภาพ Dramatic เริ่มหัวข้อโดย: ray ที่ 04/08/10, [21:41:30] Dramatic Photography เป็น แนวทางการถ่ายภาพมีชีวิต เหมือนดูละคร ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึก เล้าใจ และความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มจากผู้ดูภำพนั้น เมื่อเทียบกับการถ่ายภาพแนวทางอื่นๆ หลักการสำคัญของการถ่ายภาพแนวทางนี้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนที่ต้องพิจารณา ศึกษา และฝึกฝนโดยเริ่มจาก 1 จินตนาการภาพทีต้องการ โดยผ่านทาง ขบวนการคิดTheme คาดเหตุการณ์ที่จะเกิด จัดลำดับเหตุการณ์ และเลือก highlight ของเหตุการณ์ จินตนาการจะเป็นส่วนสำคัญสุดเพราะเราต้องรู้ก่อนว่าจะถ่ายอะไรก่อน เมื่อ ได้ทำการเลือก Theme / Concept ที่จะถ่ายแล้ว ก็จะต้องจินตนาการต่อไปว่า ขั้นตอนของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างเรื่องใน Theme / Concept นั้นๆ มีอะไรบ้าง ซึ่งทำได้โดยการแบ่งเหตุการณ์หลักให้เป็นเหตุการณ์ย่อยๆ ตามลำดับสิ่งที่คาดว่าจะเกิด แล้วจึงพิจารณาดูว่าเราอยากเลือกเหตุการณ์ย่อยไหนเป็นจุด highlightในการถ่ายภาพ และเหตุการณ์ไหนเป็นรองลงมา เหตุการณ์ที่เลือกเป็น highlight หรือพระเอก อันดับแรกน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่กินใจและสะท้อนความรู้สึกได้ตรงกับ Theme / Concept ของความต้องการถ่ายภาพนั้นๆ ด้วย เช่น Theme ของการถ่ายภาพเป็นเด็กกินขนม แน่นอนหลายคนอาจว่าขั้นตอนของเด็กกินขนมน่าจะมีเหตุการณ์ดังนี้ เด็กกำลังตัดสินใจเลือกขนม แย่งหรือหยิบขนมกิน เอาขนมเข้าปาก กินขนมอย่างเอร็ดอร่อย มูมมามพร้อมปากเลอเทอ เช็ดปากมือกินเสร็จ มองหาขนมก้อนต่อไป เป็นต้น จากนั้นก็ให้คิดถึงเหตุการณ์ย่อยที่ได้แตกออกมาว่า เหตุการณ์ไหนที่น่าสนใจที่สุด ที่สามารถกินใจและตรงกับ Theme ที่กำหนดเอาไว้ พร้อมทั้งเหตุการณ์ไหนน่าจะเป็นรองๆ ลงมา (เผื่อไว้หากไม่สามารถถ่ายเหตุการณ์แรกได้ทัน หรือเกิดความผิดพลาดขึ้น) ด้วย common sense ก็อาจจะเลือกเหตุการณ์ที่กำลังกินขนมอย่างอร่อยและเมามัน และปากมูมมามเป็นอันดับแรก การแย่งขนมเป็นภาพรอง สำหรับขบวนการที่เหลือจะถ่ายเก็บเหตุการณ์นั้นๆ ไว้เพื่อเล่าเรื่องประกอบภาพ highlight หากต้องการ ในสถานการณ์จริงเราอาจต้องปรับแผนหรือลำดับใหม่ก็เป็นได้ สาเหตุก็เพราะองค์ประกอบภาพที่เราจะถ่ายไม่อำนวย หรือเราอาจพลาดจาก shot นั้นไปแล้ว จะเห็นได้ว่าการเลือกเหตุการณ์ที่จะถ่ายมีความสำคัญอย่างมาก บางเหตุการณ์อาจเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่บางเหตุการณ์อาจจนานถึง 10 วินาที เป็นต้น เหตุการณ์ที่มีเสี้ยวเวลาสั้นก็มักเป็นเหตุการณ์ที่มีความน่าสนใจมาก และมักเป็นมุมภาพที่หาดูได้ยากมาก ซึ่งจะแตกต่างกับภาพถ่ายทั่วไปที่มีระยะเวลายาวนานให้ถ่าย บ่อยครั้งมากที่เราอาจยังไม่ทันได้คิดถึงจินตนาการ Theme หรือConcept ที่จะถ่าย เช่น บังเอิญไปเที่ยวและเกิดเจอเหตุการณ์ที่ต้องการถ่าย ก็ขอให้นึกว่าในเหตุการณ์นั้นกำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น และเหตุการณ์ย่อยไหนจะเป็นส่วนที่น่าสนใจมากที่สุด จากนั้นก็เป็นการพิจรณาแสง ปรับแต่งกล้อง จัดองค์ประกอบ และรอที่จะกัดชัตเตอร์ 2 แสงและอุณหภูมิแสง แสง จะเป็นส่วนที่สำคัญมาก ในลำดับถัดมา เพราะแสงจะทำให้ภาพมีความโดดเด่นขึ้นมาได้ โดยเฉพาะการใช้แสงเน้นในจุดที่ highlight ของเหตุการณ์ หรือเป็นองค์ประกอบสำคัญของภำพ แสงอาจเป็นแสงตรง (Direct Light) เช่นแสงลอดผ่านช่องอาคาร ต้นไม้ หรือ หน้าต่าง เป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดการสะท้อนของแสงได้ ในขณะเดียวกัน แสงที่สะท้อนพื้นน้ำก็จะเกิดการสะท้อนและเปล่งประกายสีต่าง ๆ ออกมาได้เช่นกัน แสงในแต่ละเวลาของวันก็ยังมีความเข้มไม่เท่ากันรวมทั้งสีที่ต่างกันซึ่งจะ สร้างอารมณ์ให้ภาพได้ต่างกัน เช่นแสงเช้าจะเป็นแสงที่ Soft กว่าบ่าย ดังนั้น Contrast ที่เกิดขึ้นก็จะต่างกันด้วย การพิจารณาแสงและเวลาจึงมีส่วนในการถ่ายภาพ dramatic 3 จัดองค์ประกอบของภาพ (Composition) สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมา คือการตัดสินใจต่ำแหน่งทีจะถ่าย และเลือกองค์ประกอบของภาพ เพื่อเสริมให้ภาพนั้นดูเด่นและน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก องค์ประกอบของภาพอาจเป็นเรื่องของ มุมกล้องที่แตกต่างซึ่งอาจถ่ายด้วยเลนส์ต่างกัน เช่น เลนส์ wide, normal หรือ tele. ทำให้ภาพออกมาต่างจากภาพทั่วไปเป็นต้น เรื่องของ ความสมดุลย์แสง, เบรคกราว, สี, Tone ภาพ, DoF, Contrast, การจัดวางตำแหน่ง elements ต่างๆ ในภาพ รวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่กล้องสามารถทำได้มาช่วยเสริมจุดสนใจ และ ความเด่นของภาพให้มากขึ้น แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถทำได้พร้อมๆ กันทั้งหมด ผู้ถ่ายจะต้องพิจารณาเอาเองในขณะเวลานั้นๆ ว่าจะเลือกเอาอะไรเป็นองค์ประกอบหลัก แต่อย่างน้อยที่สุดควรต้องมีองค์ประกอบของแสงเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ องค์ประกอบเสริมอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกับTheme และเหตุการณ์ที่เราเลือกที่จะถ่ายใน highlight นั้นองค์ประกอบบางอย่างเราสามารถควบคุมได้ เช่น การเลือกเบรคกราว, Tone ภาพ, DoF เป็นต้น แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น แสงที่อาจเปลี่ยนทิศ ตำแหน่ง subject อาจถูกเปลี่ยน อาการที่ subject แสดงออกเปลี่ยน เช่น เปลี่ยนจากยิ้มเป็นนิ่ง หรือร้องไห้ เป็นต้น ดังนั้น ผู้ถ่ายจะต้องพร้อมเกือบ 100% หรือมีความสามารถในการปรับแต่งอุปกรณ์ที่รวดเร็ว และคัดเลือกมุมในจังหวะเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เพราะเมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว เราก็จะไม่สามารถกลับมาถ่ายซ่อมได้อีก 4 การปรับแต่ง และควบคุมอุปกรณ์กล้อง สิ่ง นี้คือสิ่งที่เราควบคุมได้ แต่ต้องการทำการฝึกฝน และซ้อมถ่ายอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าเรา set อย่างนี้จะได้ผลเป็นอย่างไร ผู้ถ่ายจะต้องทราบว่าการ setup กล้องแบบไหนจะเหมาะกับเหตุการณ์ที่จะต้องการถ่าย ตัวอย่าง กล้อง Nikon ใน shooting menu ถ้าถ่ายคน หรือ landscape เราควร ปรับ, sharpening, contrast, brightness, saturation และ hue เท่าไร ถึงให้ภาพ skin tone ที่ดูสวยงาม หรือ คมชัด และถ้าถ่ายแบบแนวทาง cut-highlight ก็ควรปรับเป็นอย่างไร นอกจากนั้นการตั้งอุณหภูมิสีที่ต้องการถ่ายก็มีส่วนช่วยในด้านความรู้สึก ด้วยเช่นกัน เช่น ถ้าใช้ warm tone ภาพอาจดูสีส้ม และดูขุ่นๆ ส่วน cool tone ภาพจะดูหน้าใส ดำขึ้นหากถ่ายน้ำหรือดูสว่างขึ้นหากถ่ายโลหะเงา ในขณะเดียวกันก็ให้ดูการตั้ง exposure ใน Custom Menu ด้วยเพราะทั้งหมดจะมีส่วนเสริมให้ภาพดูเด่นขึ้นมาได้ 5 ช่วง เวลากด Shutter (Moment of Click) เริ่มจากก่อนที่จะกดชัดเตอร์ เราต้องรู้ก่อนว่าควรวัดแสงแบบไหน แบบ spot, center weight หรือ matrix เพราะ mode การวัดแสงไม่เหมือนกันจะให้ภาพความสว่าง และการ contrast ในภาพที่ได้ไม่เหมือนกันด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ subject และเบรคกราว ย้อนแสงหรือตามแสง ในขณะเดียวกันจะใช้การล็อคค่าวัดแสงและชดเชยแค่ไหนหากต้องการถ่ายแบบ cut-highlight หรืออาจใช้เทคนิคไหนในการถ่าย shot นั้น ต่อจากนั้นก็คือรอจังหวะกดชัดเตอร์ ข้อพึงระวังในขณะรอ แสงอาจเปลี่ยนมุม ทำให้มุมกระทบเปลี่ยนไปได้ หรือองค์ประกอบอื่นๆ อาจเปลี่ยน ดังนั้น ผู้ถ่ายจะต้องมีไหวพริบที่ดีพอว่าจะกด shutter เมื่อไรในเสี้ยวเวลาที่สั้นๆ นั้น การถ่ายภาพแนวทาง Dramatic ให้ได้ดีจำเป็นต้องมีแนวคิดและความคิดสร้างสรรค์ เข้าใจในขบวนการที่จะเกิด เข้าใจแสงและพฤติกรรมแสง อุปกรณ์และผลของการปรับแต่ง เข้าใจลักษณะของ composition รวมถึงมีความอดทนสูงในการรอเวลาทีจะกดชัดเตอร์เพื่อที่จะสร้างภาพแนว Dramatic ให้ดี ภาพที่ออกมาจะต้องรู้สึกเร้าใจผู้ดูและทำให้คิดหรืออยากรู้ต่อไปว่าเขาถ่าย รูปนี้ได้อย่างไรในมุมนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จึงจัดได้ว่าเป็นภาพที่มี Dynamic ของภาพสูงมาก เมื่อเทียบกับภาพในแนวทางอื่น ซึ่งมักจะนิ่งๆ แห้งๆ (Static) ผู้ที่มีพื้นฐานการถ่ายภาพที่ดี มุ่งมั่น อดทนและฝึกฝน ก็น่าจะสามารถถ่ายภาพในแนวทางนี้ได้ ภาพต่อไปเป็นภาพแรกที่ถ่ายตามแนวทางที่เขียนไว้ข้างบนได้ อาจไม่ใช่เป็นภาพที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่เป็นภาพแรกที่ทำให้เข้าใจคำว่า dramatic photography แล้วนำมาเขียนเป็นเรื่อง เริ่มจากการไปอัมผวา 2 ครั้งแล้วถ่ายรูปออกมาได้พื้นๆ ทั่วๆ ไป ก็เลยถามว่าจะทำให้ดีขึ้นทำได้อย่างไร ผมเลยเดินหาช่องแสงที่สามารถเน้น subject สะท้อนผิวน้ำ โดยยังไม่รู้ว่า subject จะเป็นอะไร เดินไปมาจนเจอแสงผ่านหน้าแม่ค้าจายผัดไทย บางครั้งหน้าก็โดนแสงบ้าง บางครั้งก็ไม่โดนแสง ก็เลยจะหาจังหวะถ่ายขณะหน้าโดนแสงและมือกำลังผัดอยู่ ก็ได้ภาพออกมา แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ เพราะอยากหาอะไรที่ทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น พอดีเหลือบไปเห็นเรือหางยาวกำลังแล่นผ่านมา และเห็นว่ามีแสงสะท้อนขอบเรือไปยังผิวน้ำ ก็เลยรอจังหวะให้เรือมาถีงแม่ค้าที่เวลานั้นก็ขอเพื่อแต่แม่ค้าเงยหน้าโดน แสงและมือกำลังผัดอยู่ ซึ่งจะเห็นว่าต้องอาศัยโชคช่วยด้วยเพราะคุณมีเวลาเพียงแค่เรือแล่นผ่าน เพื่อให้เกิดแสงสะท้อน มิฉะนั้นก็ต้องรอเรือลำอื่น ผมเลยกดไปทั้งหมด 6 ภาพ และได้หน้าโดนแสงมือกำลังผัด และแสงสะท้อนผิวน้ำ หลังจากต้องรอถ่ายภาพนี้ 10 นาทีและเดินหาสิ่งที่จะถ่ายอีกครึ่งชั่วโมง นี่เป็นส่วนหนึ่งของ dramatic photography ในมุมมองของผม กว่าจะได้สักภาพเหนื่อยจัง โหดแต่มันมาก...........ขอบคุณอีกครั้งกับคุณไม้หลัก ที่ทำให้ผมได้ลองของใหม่ๆ (http://images.temppic.com/04-08-2010/images_vertis/1280932783_0.30357000.jpg) (http://www.temppic.com/img.php?04-08-2010:1280932783_0.30357000.jpg) เครดิต คุณกนก หัวข้อ: Re: ภาพ Dramatic เริ่มหัวข้อโดย: Fibo ที่ 06/08/10, [11:47:09] ขอบคุณครับ [on_055] ท่าจะยากมาก
|