Blue green algae
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
เนื่องจากผมเริ่มตั้งตู้ใหม่เป็นตู้ไซส์ 18 นิ้ว โดยใช้วัสดุรองพื้นคือ Green Base XR และวัสดุปลูก คือ Black Earth ซึ่งตัวใหม่นี้มีปริมาณปุ๋ยที่มากพอสมควร เมื่อผมรันระบบและตั้งตู้ได้ประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ปัญหาก็คือเกิดตะไคร่เมือกเขียวแกรมน้ำเงินเกิดขึ้น (Blue green algae) ด้วยความที่ตกใจกลัวและใจร้อน จะทำอย่างไรดี แต่ก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาพอได้แต่ดูดออกบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้ผลอะไร พอเข้าอาทิตย์ที่ 3 กับเจอมรสุมที่หนักกว่าเดิม [on_045] พอเข้าอาทิตย์ที่ 3 เป็นที่ทุกคนรู้ดี ตะไคร่น้ำตาลเริ่มมา และมีตะกอน ฟุ้งอยู่ตามหินและต้นไม้ เป็นที่ชัดเจนว่ากรองยังไม่เซต คราวนี้จะทำอย่างไรดี ตะไคร่เมือกเขียวก็มา ตะไคร่น้ำตาลก็มา ตะกอนก็ยังมี
เลยได้ทำการถามความรู้ Correct!จากเทพผู้อาวุโสหลายๆท่าน ไม่รู้ก็ต้องถามจะมานั่งอยู่เฉยๆคงไม่เกิดความรู้เป็นแน่ เลยทำการถาม พี่วงศ์ และพี่วงศ์ได้บอกว่า "ตะไคร่นะดูดออก และเปลี่ยนน้ำ เดี๋ยวก็หายแต่ดันเป็นตู้ตั้งใหม่และเป็นหวีดจิ๋ว จะปิดไฟและปิดระบบคงไม่ไหวหวีดเละแน่ เลยแนะนำ ยา Erythromycin แต่ยาจะมีผลต่อระบบกรอง" ต่อมาถามพี่เก่ง พี่เก่งแนะนำว่า "ดูดออกถ้าไม่ไหวใช่ อควาเรียม 1 และสลับกับ คาร์บอนน้ำ" ต่อมาถาม ป๋าวิเชียร แนะนำว่า "ถ่ายน้ำบ่อยๆเดี๋ยวก็หาย" และสุดท้ายถามพี่เต้ แนะนำเช่นเดียวกับพี่เก่ง
จะเห็นได้ว่าทุกท่านนั้นแนะนำไปในทางที่เน้นวิธีธรรมชาติมากกว่าที่จะใช้สารเคมีหรือยาปฏิชีวนะ จึงทำให้เริ่มคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี
ขบคิดทบทวนประสบการณ์และความรู้
จากความรู้จากหลายๆท่านจะแนะนำให้ใช้วิธีตามธรรมชาติ ทำไมล่ะ? [งง] จึงนั่งนึกกลับไปถึงตู้ 24 ผมเคยเอาต้นไม้ที่มีตะไคร่เมือกเขียวมาใส่ตู้ที่เซตนานแล้วอยู่ๆตะไคร่กลับหายไปเอง เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น? ความคิดเห็นส่วนตัวที่คิดได้ในตอนนั้นคือ
1)เพราะระบบกรองเซตแล้ว
2)เพราะต้นไม้สมบูรณ์จึงมีการดูซึมสารอินทรีย์หรือปุ๋ยได้ดี
สมมุติฐาน
1)ปัญหาตะไคร่และตะกอนที่เกิดขึ้นกับตู้18ของผมคือ เกิดจากระบบที่ยังไม่เซตตัว
2)ปัญหาตะไคร่และตะกอนที่เกิดขึ้นกับตู้18ของผมคือ สารอินทรีย์ในน้ำที่มีมากเกินไป
3)อันนี้สำคัญ ปัญหาตะไคร่และตะกอนที่เกิดขึ้นกับตู้18ของผมคือ ใจร้อนเกินไป
วิธีการศึกษา
วิธีการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบการใช้หลักฐานชั้นรอง และข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่มาจากคำบอกเล่าและประสบการณ์โดยตรง และนำเสนอในรูปแบบ เชิงวิเคราะห์ข้อมูล (ฮาๆๆมาเป็นทางการไปหน่อย)
เริ่มการแก้ปัญหา
จากที่ได้นั่งคิดแล้วว่าน่าจะเกิดจากระบบไม่เซตและสารอินทรีในน้ำมากเกินไปในทางปฏิบัติ ผมจึงทำการเปลี่ยนน้ำ 2 วันครั้งครั้งละ 20 % ผมไม่คิดจะใช้ยา เพราะ ว่าถ้าใช้ยาเป็นที่รู้กันดีว่า ตะไคร่เมือกเขียวเป็นเชื้อโรคไม่ใช่พืช แต่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ถ้าเราใช้ยาอย่างไม่สม่ำเสมอหรือใช้แล้วมันกลับมาใหม่อาจทำให้เกิดการดื้อยาขึ้นได้และยายังทำให้ระบบกรองเสียถ้าใช้ยาเมื่อไหรกรองจะเซตสักทีจึงตัดสินใจไม่ใช้ยา และวิธีปิดไฟผมก็ไม่ใช้เพราะต้นไม้ผมกำลังโตถ้าปิดเดี๋ยวมีชะงักแน่ๆ(แต่ผมก็ซื้อมาติดไว้นะทั้งยา Erythromycin และ อควาเรียม 1 เอาไว้กันเหนียวเพื่อแนวคิดไม่รอด) และเมื่อผมทำการเปลี่ยนน้ำและเพิ่มแบคทีเรียน้ำเพื่อเร่งระบบกรอง ผมก็ทำการปล่อยหน่วยงานพิเศษลงไป คือ ลูกปลาสอดดำ จำนวน 6 ตัว แล้วภาวะนา [นะโม นะโม]จากนั้นไม่นาน ผ่านไป 3 วันปลากฎว่า ตะไคร่หายเกลี้ยงทั้งเขียวแกรมน้ำเงิน ตะไคร่น้ำตาล และตะกอน ระบบกรองก็เซตเข้าที่เข้าทางแล้ว
ผลที่ได้คือ ตะไคร่หาย ระบบเซตโดยไม่ต้องใช้ยา เหมือนสวรรค์มาโปรด สิ่งที่สำคัญของการแก้ปัญหานี้เลยคือ ต้องใจเย็น และทำให้ระบบเซตไห่เร็วที่สุด อย่าหวังกับยาปฏิชีวนะมากเพราะถ้าระบบไม่ดียังไงมันก็กลับมา บ้ายบายตะไคร่จ๋า [บ๊ะบาย]
(ส่วนยาที่ซื้อมาก็แช่ตู้เย็นเก็บเข้ากล่องไว้เหมือนเดิมเราคงยังไม่มีวาสนาที่จะอยู่ด้วยกัน)
ปล. ปลาสอดต้องใช้ตัวลูกนะครับถ้าตัวใหญ่มันจะกะชากต้นไม่เราได้ถ้าเราเพิ่งปลูกเหมือนผม แต่ถ้าเป็นตู้ที่ตั้งนานแล้วก็ลงได้ตัวใหญ่
ข้อดีของปลาตัวเล็กคือมันจะกินได้ทุกซอกทุกมุมเข้าในที่ที่ตัวใหญ่ไม่สามรถเข้าได้และไม่กะชากต้นไม้ขาด และปลาสอดยังช่วยกินฝ้าผิวน้ำด้วยนะครับ
ข้อดีของปลาสอด ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งดีกินตะไคร่ เส้นขนน้ำตาลมันส์มาก เคยลองกับตู้เก่า 2 วันต้องรีบตักออกเพราะตะไคร่หายไวมากและมันจะมากะชากต้นไม้แทน
สุดท้าย เหตุผลที่ตู้ผมเซตช้าส่วน หนึ่ง มาจากช่วงนี้ อากาศเย็นมาก ทำไห้แบคทีเรียออกจะขี้เกียจหน่อย และขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงไม้น้ำครับ และหวังว่าจะช่วยหลายๆท่านได้ไม่มากก็น้อย beg1
ขอโทษด้วยครับที่ไม่มีรูปมาเนื่องจากผมไม่รู้จะไปยืมกล้องใครเพื่อนกลับบ้านกันหมด beg1
หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงกับท่านใดขอโทษด้วยนะครับอาจจะมีท่านอื่นที่มีวิธีและความรู้ที่ดีกว่ายินดีที่ท่านสามารถเพิ่มเติมได้เลยครับ