โรคจุดขาว
หน้าหนาวกำลังจะมาเยือนอีกแล้วนะครับ ตอนนี้ที่เว็บบอร์ดต่างๆก็เริ่มมีการแปะถามเรื่องวิธีการรักษา โรคจุดขาวกันแล้ว ถือเป็นของคู่กันจริงๆครับ อากาศเปลี่ยนทำให้ปลาอ่อนแอลง เชื้อโรคก็เล่นงานปลาได้ง่ายๆ โรคนี้จะว่าน่ากลัวก็น่ากลัว จะว่ารักษาง่ายก็ไม่ยาก สรุปตามซุนวู ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา วันนี้เรามารู้จักโรคจุดขาวและวิธีการรักษากันให้ถึงกึ๊นดีกว่าครับ
โรคจุดขาวเกิดจากเชื้อโรคที่มีชื่อว่า Ichthyophthirius multifiliis (Ich หรือ อิ๊ค) ซึ่งอาการของโรคนี้จะสังเกตุได้ง่ายๆ โดยปลาที่เป็นโรคนี้จะมีจุดสีขาวๆ ซึ่งมีขนาดประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่ตามครีบและลำตัว โดยจุดบางจุดอาจจะขึ้นติดกันจนมีลักษณะเป็นแถบสีขาว ปลาที่เป็นโรคนี้ในช่วงเริ่มแรกจะสามารถสังเกตุได้จากการที่ปลาซึมลงไปและมีอาการครีบและหางหุบอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่เป็นหนักปลาจะมีอาการหายใจแรงและหยุดกินอาหารด้วยครับ
เชื้อโรคชนิดนี้มีวงจรชีวิตแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนด้วยกัน โดยเริ่มแรกนั้นเชื้อโรคจุดขาวอาจจะติดเข้ามากับน้ำ หรือปลาที่นำมาเลี้ยงใหม่ ตัวโตเต็มวัยของเชื้อโรคจะแทรกซึมอยู่ในผิวหนังของปลาและไปรบกวนระบบต่างๆในร่างกาย นอกจากนั้นแผลที่เกิดจากการแทรกซึมจะเป็นจุดที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ (Secondary infection) อื่นๆด้วย หลังจากนั้นตัวเต็มวัยก็จะทำการแตกตัวออกมาเป็นช่วงที่เรียกว่า Trophozoite และพัฒนาเป็นช่วงต่อไปซึ่งเรียกว่า Cyst ช้วงนี้เองเชื้อโรคจะทำการปล่อย
Tomite ออกมาโดย Cyst แต่ละอันนั้นจะปล่อย Tomite ออกมาได้มากถึง 300 ตัว ทีเดียว ซึ่งช่วง Tomite นี้แหละครับเป็นช่วงเดียวที่เราสามารถ จัดการกับเชื้อโรคชนิดนี้ได้ โดยวงจรชีวิตนั้นจะครบรอบในระยะเวลาประมาณ 12-16 วันซึ่งจะแบ่งเป็น 4 ช่วงเท่าๆกัน เท่ากับว่าเรามีเวลาในการกำจัดเชื้อโรคตัวนี้เพียง 3-4 วัน และเว้นไปอีก 3-4 วันถึงจะทำการรักษาได้อีกครั้ง ต้องให้ยาเว้นช่วงไปแบบนี้ ถึง 4 ครั้งหรือ 12-16 วันเราถึงจะแน่ใจได้ว่าเราได้กำจัดเชื้ออิ๊คออกไปจากตู้หมดแล้ว
วิธีรักษา
1. ทำการเปลี่ยนน้ำประมาณ 50 % โดยพยายามดูดเอาเศษอาหารและตะกอนต่างๆออกให้มากที่สุด ถ้ามีระบบกรองใต้ชั้นกรวดควรจะดึงสายอ๊อกซิเจนออกจากท่อส่งน้ำและนำสายมาต่อกับหัวทรายโดยตรง นอกจากนั้นถ้าระบบกรองของท่านมี คาร์บอนเป็นส่วนประกอบ ควรนำคาร์บอนออกมาจากตู้ก่อนครับ สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่าสิ่งสกปรกและคาร์บอนจะดูดซับเอายาออกไปจากน้ำ ในช่วงที่ให้ยานี้ควรจะใช้แต่ลมจากปั๊มหรือหัวทรายเท่านั้นครับ
2. ยาที่ใช้ได้ผลกับโรคชนิดนี้มักจะมีส่วนผสมของ มาลาไคท์ กรีน (Malachite Green) และ ฟอร์มาลีน หรือไม่ก็อย่างใดอย่างหนึ่งล้วนๆครับ เวลาเลือกซื้อยาระวังยาซึ่งใช้ มาลาไคท์ กรีนเกรดไม่ดีซึ่งจะมีส่วนผสมของสาร สังกะสี (Zinc หรือ Zine cloride) ซึ่งจะเป็นพิษต่อปลาได้ ระวังอย่าให้ มาลาไคท์ กรีน โดนมือด้วยนะครับเพราะพวกนี้เป็นสารก่อมะเร็ง ความเข้มข้นของยาแต่ละยี่ห้อจะไม่เท่ากัน ดังนั้นก่อนใช้ควรอ่านฉลากให้ชัดเจน การใส่ยาก็ใส่ไปในปริมาณตามที่ฉลากกำหนดครับ แต่อย่าไปเชื่อฉลากเรื่องที่ให้ใช้ติดต่อกันเป็นเวลาไม่นานนะครับ การรักษาโรคจุดขาวที่ถูกต้อง คุณต้องให้ยาเป็นเวลาประมาณ 3-4 วันเว้น 3-4 วันรวมแล้วเป็นเวลาประมาณ 12-16 วัน ไม่เช่นนั้นเชื้อโรคก็จะกลับมาอีก
3. นอกจากใส่ยาแล้วการเพิ่มอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 30-32 องศาเซลเซียสในช่วงที่รักษาโรคอยู่ก็จะเป็นการเร่งอัตราเติบโตของเชื้อโรคทำให้เกิด Tomite เยอะขึ้นโดยเชื้อโรคพวกนี้เมื่อไม่มีปลาให้เกาะ (Host) ก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ทำให้เราสามารถกำจัดได้เร็วขึ้นครับ
4. ใส่เกลือประมาณ 2-3 ช้อนชาต่อน้ำ 5 ลิตร โดยเกลือที่ใช้นั้นต้องเป็นเกลือทะเลที่สะอาด ไม่ควรใช้เกลือราคาแพง (Table salt)ซึ่งมีการเติมสารไอโอดีนและสารขจัดความชื้นซึ่งไม่เป็นผลดีต่อปลาเลย การใส่นั้นควรจะค่อยๆใส่จนครบตามสัดส่วน การใส่ลงไปคราวเดียวเลยอาจทำให้ปลาช๊อคได้ครับ เกลือจะทำให้ระบบหมุนเวียนของเหลวในร่างกายของปลาดีขึ้นและทำให้น้ำกระด้างขึ้นเป็นผลให้เชื้อโรคอ่อนแอลง นอกจากนั้นเกลือยังทำให้ปลาขับเมือกออกมามากขึ้นทำให้เชื่อโรคจุด
ขาวเกาะติดกับตัวปลาได้ยากขึ้นครับ
5. ก่อนการให้ยาทุกครั้งควรทำการเปลี่ยนน้ำทั้งหมดออกและทำการขัดตู้เพื่อให้เชื้อโรคหลุดออกไป หรือย้ายปลาไปสู่ตู้ใหม่ที่สะอาดเพื่อเป็นการตัดตอนวงจรอีกครั้งหนึ่งก็จะทำให้ปลาหายเร็วขึ้นครับ
6. เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ปลาค่อนข้างจะติดกันได้ง่าย อุปกรณ์ที่ใช้กับตู้ปลาที่เป็นโรคนี้อยู่จึงควรทำความสะอาดให้ดี และไม่ควรนำไปใช้รวมกับตู้อื่นๆครับ
7. สำหรับเรื่องอดอาหารระหว่างการรักษาซึ่งบางตำราแนะนำเนื่องจากสมมุติฐานว่าระบบอ่อน
แอกินไปก็ไม่ย่อยจะตายซ่ะเปล่า โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเชื่อถ้าปลายังยอมกินอยู่ผมจะให้กิน
ตลอดครับ
ขอให้รักษาปลาหายกันถ้วนหน้านะครับ มัจฉ อโรคยา ปรมา ลาภา “ปลาไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” อิ อิ
เอกสารอ้างอิง:
Fish health, the manual, 1988, Dr. Chris Andrews, Adrian Exell, Dr. Neveille Carrington,
Salamander Books Ltd., Tetra Press, Virginia
เรื่อง:โดย นณณ์ ผาณิตวงศ์
กันยายน 2545
|