คำแนะนำก่อนอ่าน
[on_018]บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อคนงบเบาๆ ที่ไม่สามารถดูแลค่าใช้จ่ายระยะยาวที่ต้องจ่ายเป็นค่าไฟของชิวเลอร์ได้
ผู้เขียนเรียบเรียงจากการดูแลตู้ของตัวเองถ้าใครมีแนวคิดเสริมช่วยๆกันเติมด้วยนะครับ
ถ้าอ่านแล้วสามารถเป็นประโยชน์กับตู้ใครซักคนก็ดีใจมากมายแว้ววว... [on_055] มาเริ่มกันเลยดีก่า
[on_019] จากแนวความคิดในการตั้งตู้งบเบาๆที่ได้จากตา Mixzer จนมาเป็นงบเริ่มบานปลายในภาคต่อมา
แต่ผมก็ยังคงแนวทางเดิมอยู่คือพยายามเลี้ยงโดยให้งบการดูแลแต่ละเดือนมันยังคงเบาๆ
เพราะฉะนั้นจึงไม่คิดที่จะใช้ไฟที่ให้คลื่นแสงสมบูรณ์แบบแต่ร้อนตับแลบอย่าง MH หรือ T5ho [ร้อนตับแล่บ]
ที่แม้ว่าร้อนน้อยกว่าแต่ครบปีหลอดเสื่อมก็งบบานแทบเหมือนซื้อโคมใหม่ ก็ต้องจบที่ LED นี่แหละ
กับราคากลางๆของ Cidly 45 w ตัวบัจจุบันที่ใช้อยู่ก็ถือว่าพอใจกับราคาที่จ่ายไป หลายคนมักจะถาม
มาทาง PM ว่าไฟร้อนไหมก็ขอตอบไว้ตรงนี้เลย LED ไม่ใช่ว่าจะไม่ร้อนเลยซะทีเดียวแต่ไม่ได้มีไอร้อน
ไปกระทบผิวน้ำจนส่งผลให้อุณหภูมิร้อนขึ้นมากมาย จากที่เคยสัมผัสมาขอไล่ระดับไอร้อนจากมาก
[on_027] ไปหาน้อยให้ตามนี้ "MH > T5ho > T5,PL > LED w สูงๆ > LED Spotlight > LED w ต่ำๆ"
อันดับแรกส่งผลต่อการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำอย่างชัดเจน
อันดับ 2-3 ส่งผลชัดเจนในสภาวะที่ห้องไม่มีการถ่ายเทของอากาศ
อันดับ 4-5 ส่งผลบ้างเล็กน้อยแต่ไม่เห็นอย่างชัดเจนถ้าห้องมีอากาศที่ถ่ายเทสะดวกไม่อบอ้าวและชื้นมากนัก
อันดับสุดท้ายแทบไม่เห็นผลอะไรอย่างในตู้ผมใช้ LED 3w (1 w*3) เลี้ยงสาหร่ายในช่องกรองอยู่
ทั้งหมดคือในกรณีที่ตู้ตั้งอยู่ในห้องอากาศปกติไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศนะครับ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็แค่อยากจะชี้ให้เห็นก่อนว่าโคมไฟแต่ละประเภทส่งผลต่ออุณหภูมิอย่างไรบ้าง
ทีนี้เรามาดูแหล่งกำเนิดความร้อนอื่นๆนอกเหนือจากโคมไฟที่เป็นตัวเพิ่มความร้อนให้ตู้เรากันบ้าง
ปัจจัยกำเนิดความร้อนภายในตู้: ปั้มน้ำ ปั้มสกิมเมอร์ ปั้มกระบอก Remover ปั้มทำคลื่น
ปัจจัยกำเนิดความร้อนภายนอกตู้: โคมไฟตู้หลัก โคมไฟเลี้ยงสาหร่าย สภาพอากาศภายนอกตู้
ตำแหน่งที่วางตู้ ความหนาของกระจกที่เป็นตัวถ่ายเทความร้อนระหว่างตู้กับภายนอก
Correct! จากทั้ง 2 ปัจจัยถ้าเราทำความเข้าใจให้ดีจะเห็นว่าอุปกรณ์ในตู้เราล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการเพื่อความร้อน
ลงไปในตู้เราทั้งนั้น นี่เป็นจุดที่จะชี้ให้เห็นว่าทำไมเราถึงควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ดีให้เหมาะกับขนาดตู้
อย่างในตู้ผมๆได้เลือกที่จะลงทุนกับปั้มน้ำหลักที่ราคาสูงหน่อยมากกว่าจะใช้ของจีนเพราะเมื่อปั้มทำงาน
ความร้อนที่เกิดขึ้นกับปั้มราคาย่อมเยาว์กับปั้มที่ราคาสูงหน่อยไม่เท่ากันอย่างชัดเจน ในขณะที่ปั้มราคา
ย่อมเยาว์จะระบุเลยว่าใช้ใต้น้ำเท่านั้น แต่ที่ราคาสูงจะสามารถทำงานได้ในสภาวะที่ไม่มีน้ำได้โดยที่
ไม่เกิดอาการปั้มไหม้ขึ้นเพราะความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานไม่สูงมากนัก สกิมเมอร์ก็เช่นกัน
ควรเลือกใช้ให้พอดีๆกับปริมาณน้ำในตู้เพราะยิ่งตัวใหญ่มาก็หมายความว่าปั้มที่ทำน้ำก็ใหญ่ด้วย
สิ่งที่ตามมาก็คือความร้อนจากการทำงาน ในส่วนนี้อาจมีคนแย้งนะครับว่า อ้าว!!ก็เราเน้นให้ทำน้ำ
ให้ได้เยอะๆเพื่อกำจัดของเสียไม่ใช่เหรอ คำตอบของผมคือทั้งใช่และไม่ใช่ครับสำหรับคนที่สนใจ
จะเลี้ยง sps หรือพวกเขาต่างๆควรอย่างมากที่จะใช้สกิมเมอร์ที่ทำน้ำได้หลายๆเท่า เพื่อสร้างตู้ที่มี
สภาวะที่ดีสะอาดจัดๆให้เหมาะสมกับการเลี้ยงก้นตู้กลุ่มนี้...แต่ถ้าท่านจะเลี้ยง sps ก็คงต้องลงชิวเลอร์
เพราะต้องการตู้ที่น้ำเย็นไม่มีการแกว่งของค่าต่างๆมากนักนั้นก็หมายความว่าท่านไม่ต้องคำนึงถึงความร้อน
ที่เกิดจากอุปกรณ์ในตู้แน่นอน [on_065] ใช่ไหม? ส่วนที่ผมกล่าวอยู่นี้สำหรับตู้พัดลมจึงต้องมองแต่ละจุดให้ละเอียดค้าบ
ส่วนตัวสกิมเมอร์ที่ผมใช้แค่พอดีน้ำเท่านั้นแต่เน้นใช้ตัวที่ปั่นฟองได้ค่อนข้างละเอียดจากตัวเดิมคือ
Octopus Nano Skimmer NS-80 กับตู้ไซส์เดิมประมาณ 80L ตัวสกิมเมอร์ก็ทำน้ำได้ที่ 80L เช่นกัน
ก็ทำงานได้ดีจับเมือกตะกอนได้ระดับนึง ตู้ก็ไม่มีปัญหาอะไร โรคต่างๆก็ไม่เคยเกิด ตัวเทสก็ไม่เคยผิดปกติ
มาตัวบัจจุบัน BM QQ กับตู้ไซส์ใหญ่ขึ้นอีกนิดปริมาณน้ำรวมที่ 95L ตัวสกิมเมอร์ก็ทำน้ำได้ที่ 100L จากที่
ได้ใช้มาปั่นได้ดีสมราคาระดับได้เมือกโคลนกันเลยทีเดียว [on_026] ก็ไม่เห็นจะพบปัญหาอะไรกับการที่ใช้ขนาด
สกิมเมอร์ให้พอดีกับปริมาตรน้ำในตู้นะครับที่แน่ๆคือเปิด-ปิดสกิมเมอร์ความร้อนไม่ต่างเพราะปั้มตัวไม่ใหญ่
ส่วนตัวทำคลื่นถ้าไม่ลงทุนหนักๆไปเล่นพวก MP10 ไงๆก็ต้องทำใจว่ามีร้อนบ้างถ้าเทียบกันแต่ก็
ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย ทำไมพวกแพงๆอย่าง MP10 ถึงไม่ทำให้น้ำร้อนขึ้นก็เพราะปั้มมันติดอยู่นอกตู้ไง
ใบพัดหมุนได้ด้วยหลักการระบบแรงดึงของแม่เหล็กถึงได้สามารถสร้าง Night Mode ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยการลดรอบหมุนจากแรงดึงของแม่เหล็กเอาซึ่งพวกปั้มทำคลื่นแบบติดแกนใบพัดย่อมทำไม่ได้แน่นอน
ที่พล่ามมาทั้งหมดนี้เพื่อจะอธิบายให้เห็นภาพว่าอะไรที่ทำให้ตู้เราอุณหภูมิสูงขึ้นได้บ้าง ไม่ใช่อะไรๆก็โทษโคมไฟจ้า
[on_018] เรามาว่ากันต่อถึงปัจจัยภายนอกบ้างอย่างที่ผมบอกเอาไว้ในข้างต้นที่มีผลกระทบต่อตู้เราคือ
- โคมไฟตู้หลัก
- โคมไฟเลี้ยงสาหร่าย
- สภาพอากาศภายนอกตู้
- ตำแหน่งที่วางตู้
- ความหนาของกระจก
2 อันแรกคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายแหล่งกำเนิดแสงสว่างย่อมสร้างความร้อนดั่งเช่นดวงอาทิตย์
ที่ส่องกลางประเทศไทยให้อบอุ่นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน [on_009] ปีนี้มันจะร้อนไปไหนฟ่ะ!!!
เรามาว่ากันที่สภาพอากาศภายนอกตู้กับตำแหน่งที่วางตู้กันเลยดีกว่า 2 อย่างนี้ส่งผลโดยตรงต่อ
อุณหภูมิภายในตู้โดยเฉพาะตู้ที่พึ่งพาพัดลมในการควบคุมอุณหภูมิ ผมใช้คำว่า"ควบคุมนะครับไม่ใช่ลด"
อยากให้มือใหม่หรือมือเก๋าที่ยังงงๆ เน้นทำความเข้าใจคำนี้ในหลักการทำงานของพัดลมที่ผมจะพูดถึง
ในช่วงถัดๆไป
[on_067] ตำแหน่งที่วางตู้ถ้าอับลม + ใช้โคมไฟที่สร้างอากาศร้อนให้บริเวณรอบๆตู้ = ก็ดูดเป่าลมร้อนกลับ
ใส่ตู้ ----> [on_063] ตู้เราก็มีแต่ร้อนขึ้นๆ เท่านั้นเองหรือแม้ว่าใช้โคมแบบที่ไม่มีไอร้อนแต่ตั้งตู้ไว้ในห้องที่อากาศ
ไม่ถ่ายเท อบอ้าวโดยเฉพาะในช่วงกลางวันก็ให้ผลแบบเดียวกันคือเป่าลมร้อนรอบๆตู้ลงใส่ตู้ของเรา
เพราะฉะนั้นต้องคำนึงถึงอากาศรอบตู้ด้วยว่าเป่าพัดลมไปแล้วจะดีขึ้นจริงหรือเปล่า [on_035]
ความหนาของกระจกที่เป็นอีกปัจจัยนึงที่คนเลี้ยงอาจไม่ได้คำนึงหรือคิดถึงว่ามีส่วนทางอ้อม
ต่อการเพิ่มลดของอุณหภูมิในตู้เพราะกระจกเป็นตัวกลางที่ถ่ายเทความร้อนระหว่างตู้กับภายนอก
การที่เราเลือกใช้กระจกหนาอย่างแรกที่เรานึกถึงก็คือความแข็งแรงในการทนต่อแรงดันน้ำที่กระทำต่อกระจก
เราจึงเลือกที่หนาๆไว้ก่อนตามกำลังทรัพย์เพื่ออนาคตอาจทำตู้คลื่นโยกๆกับเค้าบ้าง แต่จริงๆแม้ว่า
จะตั้งตู้เล็กผมก็ยังแนะนำให้ใช้กระจกหนาไว้ก่อน (ถ้าจ่ายไหว) [on_062] เพราะยิ่งกระจกหนาก็หมายความว่า
เราจะมีตัวกระจกเป็นเสมือนฉนวนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างๆช้าๆ เหมือนบ้านที่
ปูฉนวนกันความร้อนไว้บนฝ้านั้นเอง อย่าลืมว่าจุดที่ตู้สัมผัสอากาศไม่ได้มีแต่ผิวน้ำที่เราเป่าพัดลมแต่
ยังมีกระจกอีกถึง 4 ด้านที่รับไอร้อนรอบๆตู้ของเรา n032
ทั้งหมดที่พูดมานี้คือการปูเรื่องกล่าวนำก่อนจะไปถึงหลักการใช้พัดลมในการควบคุมอุณหภูมิภายในตู้ [เอ๊ะ!!!]...ยาวเนอะ?
"พัดลม" มีหลายรูปแบบให้ท่านๆสรรหามาลองใช้ทั้งแบบพัดลมหน้ากว้าง 1-5 นิ้ว ใบเดี่ยว
ใบคู่ ใบเล็กเรียงเป็นแถว แบบหางกระรอก แบบหอยโข่ง แบบไร้ใบ ฯลฯ ก็สุดแล้วแต่ท่านๆ
จะหากันมาใช้ได้แล้วแบบไหนดีที่สุดล่ะ? อันนี้ผมคงช่วยฟันธงให้ไม่ได้แต่ถ้าให้แนะนำคือ
ใบพัดควรกระจายลมได้ครอบคลุมพื้นที่ผิวน้ำทั้งหมดและสามารถปรับมุมทิศทางการเป่าได้จะดีมาก
ของผู้เขียนเองก็ไม่ได้ใช้แบบที่พิเศษอะไรมากมายก็แบบไฟตรง 220v หน้ากว้าง 5 นิ้วปรับคอขึ้นลงได้
แบบภาพที่โชว์หน้ากระทู้นี้อ่ะแหละ เหตุผลที่ไม่ใช้ให้มันใหญ่กว่านี้ก็ลองอ่านในบทความต่อไป
ว่าทำไมไม่จำเป็นต้องใช้ที่มันใหญ่มากๆเอาแค่พอดีๆก็พอครับ
จากภาพด้านบนผมเอามาเพื่อใช้ประกอบการอธิบายหลักการควบคุมอุณหภูมิด้วยพัดลมของเรานั้นเอง
อุณหภูมิที่สูงขึ้นย่อมส่งผลต่อความร้อนในน้ำที่เพิ่มขึ้นตามอากาศโดยรอบแต่ก็ถูกควบคุมเอาไว้โดยลม
คุ้นๆไหม เมื่อลมพัดผ่านผิวน้ำก็จะดึงไอร้อนขึ้นมาพร้อมกัน ไอน้ำถูกทำให้ระเหยขึ้นมาเพราะอากาศร้อน
เจอกับอากาศที่เย็นกว่านั้นเองแต่ยังมีอีกปัจจัยนึงที่ส่งผลต่อการระเหยเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำนั้นก็คือ
"ความชื้นสัมพัทธ์" ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อการระเหยของน้ำว่าจะมากหรือน้อย
(สนใจอ่านให้ลึกซึ้งก็ตามนี้เลย http://www.thaibtc.com/Relativehumidity.htm )
หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้บ่อยๆในข่าวพยากรณ์อากาศนะครับ อธิบายง่ายๆก็คือ
- ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ---> อากาศแห้งน้ำระเหยได้ดี
- ความชื้นสัมพัทธ์สูง ---> อากาศชื้นน้ำระเหยได้ไม่ดี
ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้นเราจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอสภาวะอากาศร้อนชื้น ซึ่งทุกคนก็คงจะรู้สึกว่า
มีบางครั้งที่ฝนตกแต่เรากลับรู้สึกว่าอากาศร้อนขึ้นนั้นก็เพราะความร้อน + กับความชื้นในอากาศเกิน 100%
จึงทำให้เราระบายความร้อนด้วยเหงื่อออกมาไม่ได้มีแต่ไอน้ำมาเกาะที่ตัวเราเหนอะหนะจนเรานึกว่าเหงื่อออก
[on_007] ชักไปไกลล่ะกลับมาที่ตู้เราดีก่า มันก็คือหลักการเดียวกันนั้นแหละ
คนเราเหงื่อออกเพื่อลดความร้อนในร่างกายลงก็เท่ากับที่เราติดพัดลมเพื่อทำให้น้ำระเหย(เหงื่อออก)
เพื่อลดความร้อนของตู้ทะเลนั้นเอง
ที่นี้เรารู้แล้วว่าเราสามารถลดความร้อนของตู้ลงได้ด้วยหลักการระเหยของน้ำแต่หลักการนี้มีข้อจำกัดอยู่คือ
- น้ำจะระเหยเพื่อลดความร้อนได้ดีจะต้องมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่เหมาะสมคือไม่สูงเกินไป
- การลดอุณหภูมิลงด้วยพัดลมสามารถลดได้เต็มที่ก็แค่ 1-3 องศาจากอากาศบริเวณรอบๆตู้
แม้ว่าจะใช้พัดลมตัวใหญ่แค่ไหนก็ตาม พวกโฆษณาข้างกล่องว่าลดได้ถึง 8 องศาเค้าก็ไม่ได้โกหกนะ
แต่เค้าหมายถึงใช้พัดลมในห้องแอร์หรือที่อากาศเย็นจัดอ่ะ 036
**ผมอ้างอิงการใช้งานตามสภาพอากาศที่กรุงเทพฯนะครับ
เพราะฉะนั้นเลิกคาดหวังกันได้แล้วกับการกดอุณหภูมิลงเยอะๆ ถ้าท่านๆไม่ได้อยู่ในจังหวัดที่อากาศเย็น
และความชื้นสัมพัทธ์ต่ำพอจะช่วยให้พัดลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Correct! "เราใช้พัดลมเพื่อ
ควบคุมกดอุณหภูมิเอาไว้ที่ค่าใดค่านึงไม่ให้แกว่งมากขึ้นลงบ่อยและเร็วเกินไป" โดยควรใช้คู่กับ
Temperature Control ช่วยในการควบคุมการทำงานของพัดลมอีกที TC หน้าตาก็ตามภาพด้านล่างนี้เลย
การทำงานของ TC ก็ไม่มีอะไรมากอย่างในภาพตัว TC จะต่อพวงกับปลั๊กพ่วง อุปกรณ์ที่เราเสียบใช้งานก็
จะถูกควบคุมการเปิด-ปิดทำงานตามอุณหภูมิที่เราตั้งไว้เช่น ตู้ผมตัังค่าไว้ที่ 28 องศาหน่วงการทำงานไว้ที่
0.5 องศานั้นก็คือเมื่อตู้เรามีความร้อนสะสมไปแตะที่ 28.5 องศาตัว TC ก็จะจ่ายไฟให้ปลั๊กพ่วงให้พัดลม
เริ่มทำงาน พอทำงานไปซักพักอุณหภูมิในตู้ลดต่ำลงจนถึงค่าที่ตั้งคือ 28 องศา TC ก็หยุดจ่ายไฟ
นี่แหละที่ผมพยายามอธิบายให้เข้าใจกันว่าทำไมถึงให้ใช้แค่พัดลมขนาดที่พอดีๆ ไม่ต้องใหญ่มากมาย
เพราะเราต้องการแค่กดอุณหภูมิเอาไว้ที่จุดนึงไม่ได้ใช้เพื่อลดอุณหภูมิ ถ้าใช้ตัวใหญ่ๆให้อุณหภูมิลดได้เร็วๆ
สิ่งที่จะตามมาคือค่าต่างๆในตู้เราจะแกว่งตัวตลอดเวลาในช่วงเล็กๆ ซึ่งก็คือค่าแกว่งที่เราไม่พึงประสงค์นั้นเอง
สิ่งที่เราควรจะควบคุมให้ได้สำหรับตู้ทะเลน้อยๆของเราก็คือให้ค่าต่างๆเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงแบบช้าๆ
เพื่อให้สิ่งมีชีวิตต่างๆในตู้เราได้ปรับตัวอย่างช้าๆเช่นกัน อย่างงี้ถึงจะเรียกว่าค่านิ่งที่เราต้องการ
กลับมาว่ากับต่อที่พัดลมล่ะนะครับ ตามภาพด้านล่างจะเห็นทิศทางของกระแสต่างๆที่เกิดขึ้นในตู้ของเรา
ลูกศรสีน้ำเงินคืออากาศเย็นที่เป่าออกจากพัดลมของเรา จากที่เคยปรับมาหลายๆมุมแล้วผมสรุปได้ว่า
มุมเฉียงเป่าลงกระทบผิวน้ำให้ผลในการลดอุณหภูมิดีที่สุด และเราต้องจัดให้กระแสน้ำในตู้มีการหมุนเวียน
ดันเอาน้ำด้านล่างขึ้นมาไหลเวียนด้วยถึงจะสร้างความคงที่ของอุณหภูมิในตู้ได้ดีกว่าตู้ที่ไม่ติดตั้งตัวทำคลื่น
อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเนอะเพราะแต่ละตู้ก็ต้องปรับตำแหน่งดูเองถึงจะรู้ว่าแบบไหนดีที่สุดสำหรับเรา
ที่นี้เราก็ยังมีจุดสุดท้ายที่ต้องดูแลให้ดีเพื่อสร้างระบบที่สมบูรณ์ในตู้เรานั้นก็คือการดูแลน้ำที่ระเหยไปจากการ
ใช้พัดลมเพื่อควบคุมอุณหภูมิ อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่านแล้วล่ะว่าจะขยันเติมเองทีละน้อยบ่อยๆ
หรือหาวิธีเติมอัตโนมัติอื่นๆมาใช้เช่น ถุงน้ำเกลือ ขวดหยดน้ำ (อันนี้มีลิขสิทธ์นะครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=peepunim&month=15-02-2010&group=7&gblog=3 ) ถังเติมน้ำ ฯลฯ เอาตามชอบเลยครับอย่างของผมใช้ถุงน้ำเกลือซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
ผมหยดลงที่ช่องสาหร่ายลูกศรสีน้ำเงินความเร็วในการหยดก็ 4-5 วินาที/หยดสำหรับอากาศปกติ ถ้าร้อน
อบอ้าวจัดก็ 2-3 วินาที/หยด บางทีกลับมาน้ำลดไปเยอะก็ไม่เติมทีเดียวเยอะๆแต่ใช้หยดเอาให้หยดเร็วๆหน่อย
จนถึงระดับน้ำที่เราต้องการค่อยปรับกลับมาให้หยดเท่าเดิม ผมว่าทำอย่างงี้ค่าจะแกว่งน้อยกว่าเยอะ
[on_047]......จบล่ะ หวังว่าจะอ่านกันเพลินๆและได้ประโยชน์นำไปใช้กันนะค้าบบบถูกใจ Like + ให้เป็น
กำลังใจด้วยน้าาาาาาา
Tip 1: ตัวหัววัดอุณหภูมิของ TC ควรแช่ในน้ำจืด ro โดยหาหลอดแก้วมาใส่น้ำแช่หัววัดแล้วแช่ในตู้อีกทีนะจ๊ะ
ไม่งั้นไม่เกินครึ่งปีพังแน่
Tip 2: Mh ใช้พัดลมได้ไหม? ต้องดูสภาพอากาศรอบๆครับ ถ้าไม่อบอ้าวเกินไปก็แนะนำว่าจัดพัดลม 2 ตัวๆนึง
ก็ทำเหมือนในบทความ อีกตัวเปิดตลอดเวลาที่เปิดไฟจัดให้เป่าขึ้นหรือพัดแหงนเฉียงๆเป่าไอร้อนที่แผ่ออกมาจากโคม
ให้ไปทางอื่นไม่แผ่ลงมาที่ผิวน้ำ
Tip 3: ควรมีปรอทธรรมดาอีกอันแขวนไว้ที่ตู้หลัก หัววัด TC ให้ไว้ที่ตู้กรองเพื่อเทียบกันดู
Last Important Tip!!: ตู้ที่ใช้พัดลมควบคุมอุณหภูมิต้องรู้ข้อจำกัดของตัวเอง ค่าของเสียจากอาหารและการขับถ่าย
เกิดขึ้นง่ายและเร็วกว่าตู้ชิวเลอร์ มีข้อจำกัดในการลงก้นตู้ๆ ที่จะนำมาเลี้ยงควรศึกษาให้ดีว่าเหมาะกับอุณหภูมิน้ำไหม
|