Aqua.c1ub.net
*
  Tue 23/Apr/2024
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: Nutri Pro+ Articles 1 แคลเซียม (Calcium) ความเป็นด่าง (Alkalinity) และ แมกนิเซียม (Ma  (อ่าน 792 ครั้ง)
nutripro+ ออฟไลน์
Club Follower
« เมื่อ: 28/07/14, [21:33:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

Nutri Pro+ Articles 1 บทความดีๆจากนิวทรีโปร



แคลเซียม (Calcium) ความเป็นด่าง (Alkalinity) และ แมกนิเซียม (Magnesium)
ทั้ง 3 สิ่งนี้มีความเกี่ยวของสัมพันธ์กันทำงานร่วมกันและต้องมีระดับที่เหมาะสมเพื่อการเจริญเติบโตซึ่งมีผลโดยตรงกับปะการังโดยตรง หากละเลยที่จะสนใจ และไม่มีการรักษาระดับให้เหมาะสม ปะการังจะหยุดการเจริญเติบโต เหี่ยวหรือดอป เกิดสภาวะฟอกขาว และตายในที่สุด แคลเซียม ความเป็นด่าง และ แมกนิเซียม เป็นส่วนประกอบหลักในการเกิดหินปูน หรือ แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) เพื่อใช้ในการสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างภายในของปะการังทั้ง LPS และ SPS
แคลเซียม (Calcium) ถือว่าเป็นธาตุไอออนหลักของน้ำทะเล โดยน้ำทะเลตามธรรมชาติจะมีระดับของแคลเซียมอิออน Ca+ ประมาณ 420 ppm หรือ 420 mg/l โดยประจุเหล่านี้จะมีการแกว่งไปมาของระดับแคลเซียมอิออน โดยแคลเซียมอิออน 1 อะตอม จะบรรจุโปรตอน 2 ตัว ซึ่งทำให้เกิดเป็นไอออนบวก สามารถไปจับตัวกับไอออนลบอิสระได้ แคลเซียมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลี้ยงตู้ทะเล และสำหรับทุกอวัยวะของปะการัง รวมถึงกลุ่มสาหร่ายคลอโรไลท์ (Coralline)สาหร่ายม่วง ซึ่งใช้แคลเซียมในรูปของแคลเซียมคาร์บอนเนตในการสร้างโครงสร้างตนเอง หากไม่มีการรักษาระดับแคลเซียมให้เหมาะสม อวัยวะปะการังส่วนต่างๆ จะเกิดสภาวะฟอกขาว และตายในที่สุด ระดับของแคลเซียมอิออนที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตควรอยู่ที่ 360-450 ppm เพื่อให้การเจริญเติบโตอยู่ในระดับที่ดีระดับแคลเซียมอิออนจะต้องไม่เกินไปกว่าค่าที่ได้จากชุดเทสแคลเซียม หากมากกว่าระดับที่เหมาะสมจะทำให้สาหร่ายคลอโรไลท์ (Coralline) เจริญเติบโตได้ดี จนทำให้เกาะตามกระจกตู้ การเติมแคลเซียมเข้มข้นมากกว่าระดับที่เหมาะสมไม่ช่วยให้ปะการังเจริญเติบโต จากการศึกษากลุ่มปะการัง SPS ที่เลี้ยงในน้ำทะเล ซึ่งมีระดับแคลเซียมอิออนต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ระดับต่ำสุดที่ปะการังและกลุ่มสาหร่าย จะสามารถเจริญเติบโตได้คือ 360 ppm โดยที่ระดับนี้ไม่มีการเพิ่มแคลเซียมเข้าไปแต่อย่างใด
ความเป็นด่าง (Alkalinity) เป็นกลุ่มไอออนลบของน้ำทะเล สามารถตรวจวัดได้จากปริมาณคาร์บอเนต CO3- และไบคาร์บอเนต HCO3- ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนรูปเป็นคาร์บอเนตได้ ในกระกวนการสร้างโครงสร้างของปะการังในการเจริญเติบโต ไบคาร์บอเนตจะมีคุณสมบัติเป็นนัยในการบ่งบอกระดับความเป็นด่างจากปกติจนถึงสูง หรือหากต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมก็จะเกิดการขาดแคลนไม่เพียงพอต่อปะการัง จะพบกว่าไบคาร์บอเนตจะถูกใช้จนหมดอย่างรวดเร็ว ระดับความเป็นด่างจากปกติจนไปสู่ระดับที่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของปะการัง สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 1 ถึง 2 วันในตู้ทะเลบางตู้ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้นานเกินไป ปะการังภายในตู้ โดยเฉพาะกลุ่มของอ่อน soft coral จะชะงักการเจริญเติบโต และในกลุ่มปะการัง LPS และ SPS เมื่อคาร์บอเนตหมดลง ปะการังกลุ่มนี้จะเกิดสภาวะเร่งสะสมคาร์บอเนตในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนตอย่างหนัก จนเกิดสภาวะฟอกขาว และตายในที่สุด ในน้ำทะเลปกติตามธรรมชาติ จะมีค่าประมาณ 7-8 KH แต่สำหรับผู้เลี้ยงปะการัง ควรจะมีค่าความเป็นด่างประมาณ 2.5-4 meq/l หรือ 7-11 dKH หรือ ปริมาณของแคลเซียมคาร์บอเนตที่ 125-200 ppm
แมกนิเซียม (Magnesium) ถือเป็นธาตุไอออนสำคัญที่มีมากมายในน้ำทะเล สำคัญที่สุดสำหรับ Soft coral ซึ่งเกี่ยวข้องในหลากหลายกระบวนการทางชีววิทยาของทุกๆสิ่งมีชีวิต การประมาณปริมาณของแมกนิเซียมกับธาตุอาหารตัวอื่นๆ ที่ไม่มีการตรวจวัดที่แน่นอน มันจะเกิดความไม่สมดุลทางเคมี จะถึงขั้นก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าจะเป็นผลดี ในน้ำทะเลตามธรรมชาติจะมีระดับของแมกนิเซียมอิออนอยู่ที่ 1280 ppm หรือ 1280 mg/l สำหรับระดับทีเหมาะสมสำหรับผู้เลี้ยงปะการังควรจะอยู่ที่ 1250-1350 ppm โดยแมกนิเซียมอิออน 1 อะตอม จะบรรจุโปรตอน 2 ตัว ซึ่งทำให้เกิดเป็นไอออนบวก สามารถไปจับตัวกับไอออนลบอิสระได้ เป็นธาตุกลุ่มเดียวกับแคลเซียม โดยปกติแล้วแมกนิเซียมจะเป็นไอออนอิสระในน้ำทะเล ระดับของแมกนิเซียมอิออนสำคัญต่อการรักษาสมดุลเคมีของคาร์บอเนตให้ไม่มีความเข้มข้นจนมากเกินไป โดยน้ำทะเลตามธรรมชาติจะมีการรักษาสมดุลความเป็นกรดด่างโดยบัฟเฟอร์ให้อยู่ที่ pH 8.0-8.5 โดยกลุ่มไอออนจะรักษาระดับความเป็นกรดด่างของน้ำทะเลได้ดีที่สุดในช่วงเวลากลางวัน แมกนิเซียมมีความสำคัญอย่างยิ่งของกระบวนการสะสมแคลเซียมคาร์บอเนต และในอวัยวะต่างๆ ที่ต้องการแมกนิเซียมจากน้ำทะเล
จึงเป็นที่มาว่า ผลิตภัณฑ์สำหรับตู้ทะเลจึงมีการเติมทั้งแคลเซียม (Calcium) ความเป็นด่าง (Alkalinity) และ แมกนิเซียม (Magnesium) จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับปะการัง และรักษาสมดุลแคลเซียมในตู้ทะเล โดยทั้ง 3 สิ่งนี้ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม และการใช้ชุดเทสวัดอย่างสม่ำเสมอ
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: