1. คำถาม "ทำไมต้องรอเป็นเดือนในช่วงร้นน้ำ"
ตอบ การรันน้ำเบื้องต้นคือการกู้คืนสภาพของแบคทีเรียในน้ำ แบคทีเรียทำหน้าที่กินของเสียภายในตู้ การที่จะทำให้ระบบมัน สมบูรณ์ ต้องอดใจรอครับ
2. คำถาม "ทำไมหินเป็นที่ซื้อมา(จากที่ไหนก็ตาม)พอมาใส่ตู้รันน้ำมันจึงมีเมือกออกมาจากตัวหินแล้วทำยังไงต้องทิ้งหรือไม่อย่างไร?"
ตอบ หินเป็นที่ซื้อมาจากทุกๆแหล่ง การขนส่งอาจทำให้บางอย่างที่ติดมากับหินเป็นมันตาย หรือถ้ามันไม่ตาย พอใส่ลงตู้ น้ำที่ร้านขายหินเป็นเขาใช้ กับน้ำในตู้เราคุณภาพน้ำมันต่างกัน คือน้ำที่เรารันอยู่ เพิ่งรันได้ไม่กี่วันเอาหินเป็นมาใส่ คุณภาพน้ำมันยังไม่ลงตัว สิ่งมีชีวิตในหินเป็นมันก็จะม่องเท่ง [วิญญาณ] เป็นเรื่องธรรมดาครับ พอมันตายมันก็จะเป็นเมือกๆ ออกมาอย่างที่เห็น ศัพท์ที่เขาเรียกกันคือ หินขึ้นรา ส่งกลิ่นเหม็นรึเปล่า ดมที่น้ำก็รู้ครับ คำตอบคือ "เหม็น" thr01
วิธีทำให้หินเป็นพื้นคืนชีพ [mo_001] ทำได้โดย ใส่แบคทีเรียเข้าไปในน้ำ จะยี่ห้อไหนก็แล้วแต่ทุนทรัพย์ของท่าน แต่ถ้าเป็นของไทยใส่ขวดพลาสติกมาขายไม่แนะนำ (อ่านเจอมา) ใส่เท่าไหร่ อ่านครับอ่าน ฉลากข้างขวด แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำให้หินเป็นฟื้นคืนชีพ คือ การอดทนรอ วัดค่าน้ำ(No2) ทุกๆ 2-3 วัน ดูระดับสี ว่าดีขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ดีขึ้น รออีก 2-3 วัน เช็คใหม่ ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีก ใส่แบคทีเรียลงไปเพิ่ม แล้วก็รอ รอแล้วก็เช็ค jealous ถ้าค่า No2 เริ่มได้ ก็อาทิตย์นึงตรวจสักรอบก็ได้ครับ
ถามว่าหินต้องขัดมั้ยถ้ามันขึ้นรา อันนี้แล้วแต่ ขัดไม่ขัดไม่มีผล เพราะต้องรออยู่แล้ว แต่ถ้าขัดมันก็จะดูสะอาดดี แต่ถ้าไม่ขัดหินแบคทีเรียที่ท่านๆเติมลงไปนั่นหล่ะ มันจะเข้าไปกัดกิน เมือก หรือ รา ต่างๆ ในตู้ท่านเอง สู้ๆครับท่านแบคทีเรีย [on_012]
คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมจะต้องรอการรันน้ำเป็นเดือนๆ อ้อ คุณคิดถูกต้องแล้ว คือการทำให้หินเป็นที่เราใส่เข้าไปนั้น มันหมดราหมดเมือกต่างๆ และสำคัญที่สุดของการเลี้ยงตู้ทะเลคือการสร้างแบคทีเรียในระบบภายในตู้ของท่านนั่นเอง [on_026]
3. คำถาม "ในช่วงรันน้ำใยแก้วหรือถุงกรองต้องล้างถี่แค่ไหน"
ตอบ ผมไม่มีข้อกำหนดในการล้างครับ(อันนี้ส่วนตัว) ผมจะใช้การสังเกตุที่ตัวใยแก้วหรือถงกรองมากกว่า ถ้ามันดูเริ่มน่าเกลียด สีอั๊กกรี๊มากมาย ก็เอามันมาซักซะหน่อย ซื้อมาตุนไว้เลยครับสำหรับใยแก้วจะได้ไม่ต้องไปซื้อบ่อยๆ เท่าที่ผมอ่านมาในเว็บนี้ พี่ๆเขาแนะนำว่า ใยแก้วนั้น เอามาซักได้ 2-3 ครั้งก็ควรเปลี่ยนอันใหม่ได้เลยครับ แต่ส่วนใหญ่ก็อาทิตย์ละครั้งสำหรับตัวผมในการซักใยแก้ว 1 ครั้งประมาณนั้น
ส่วนใครที่ใช้ถุงกรอง ถ้าน้ำล้นออกจากปากถุงกรองเมื่อไหร่แสดงว่าของเสียเยอะ ถุงตัน ก็ต้องรีบนำมาซักทำความสะอาดครับ [on_019]
4. คำถาม "มือใหม่ขั้นต้น เครื่องมือตรวจวัดควรมีอะไรบ้าง"
ตอบ หลักๆ - เครื่องวัดความเค็ม จะแบบไหนก็ตาม แต่ที่เที่ยงตรงที่สุดคือส่องกล้อง ราคาสูงหลักพัน+
- ตัววัดน้ำ PH
- ตัววัดไนไตรท์ No2
- ตัววัดอุณหภูมิในน้ำ จะเป็นปรอทหรือดิจิทอล ตามแต่
- ที่วัดความเค็ม ไม่ว่าจะเป็นแบบตวง แบบปรอท หรือกล้องส่อง(แนะนำแบบกล้องส่อง แม่นยำมากที่สุด ราคาแรงอยู่แต่ซื้อทีเดียวจบครับ)
5. คำถาม "ถ้ารันน้ำนานมากมายเกิน 1 เดือนจะเป็นไรไหม??"
ตอบ ไม่เป็นไรครับ ยิ่งรันน้ำนานยิ่งดี ระบบจะได้เสถียร แต่....จะต้องคอยวัดค่าต่างๆภายในน้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ก็ยังดี วัดอะไรบ้าง ย้อนขึ้นไปอ่าน ข้อ 4 [on_047]
6. คำถาม "ความเค็มในน้ำเท่าไหร่ถึงจะพอดี"
ตอบ ประมาณ 30-32 หรือ 1.022-1.024 โดยประมาณ คำเตือน!! ถ้าไปซื้อตัววัดความเค็มแบบเป็นเข็มลอย โปรดระวัง เพราะความคลาดเคลื่อนสูง +/- ยังไง อันนี้บอกไม่ได้ครับ
7. คำถาม (ต่อจากข้อ6) "แล้วทำยังไงละ งั้นสิ่งมีชีวิตก็ตายหมดดิ เหอๆ" [on_065]
ตอบ ทำได้ 3 วิธี คือ
- ซื้อตัววัดความเค็มแบบ ส่องกล้อง ตัวนึง หลัก พัน+
- เวลาไปร้านขายปลาทะเล นำน้ำของเราใส่ถุงติดไปด้วยแล้วไปช่วยให้เขาช่วยส่องกล้องให้(ถ้าเขาจะกรุณา)
- เวลาซื้อปลามาจากร้านขายปลา ก่อนทิ้งน้ำในถุง ก็วัดซะว่าความเค็มเขาอยู่ที่เท่าไหร่(ส่วนใหญ่ร้านขายปลาจะมีตัววัดความเค็มแบบส่องกล้องมั้ง) ได้ค่าเท่าไหร่ ก็ทำการ +/- กับค่าความเค็มในตู้ของเรา แล้วจำหรือรีพอร์ตไว้ ้hahaha
8. คำถาม "แล้วระบบกรองควรใช้อะไรถึงจะดี"
ตอบ ถ้าเป็นผู้ที่ใช้กรองล่างหรือกรองนอก ที่สำคัญหลักๆ มี 2 อย่างครับคือ
- ห้องแรกให้เราใส่ใยแก้ว เยอะน้อยแค่ไหนแล้วแต่ขนาดห้องของตู้กรองครับ แต่แนะนำให้ใช้เป็นถุงกรองแทน
- ห้องถัดมาก็จัดสกิมเมอร์สักตัว รุ่นไหนยี่ห้อไหน อันนี้ต้องศึกษาเอาครับ มันมีหลายปัจจัย
- ห้องต่อไปที่สำคัญอีกอย่างคือ หินเป็น *ไม่แนะนำให้ใช้เศษหินปะการังเนื่องจากเป็นที่สะสมของสิงสกปรก*แล้วจะใส่แค่ไหนละ....ก็เต็มห้องกรองได้ยิ่งดี
สำหรับผู้ที่ใช้กรองข้าง(กรองในตู้ปลา) อันนี้ก็คงจะเลี้ยงได้แต่ปลา กับหนอนท่อ แต่ก็ไม่ควรเลี้ยงปลาเยอะเกินเพราะเลี้ยงปลายิ่งเยอะของเสียก็ยิ่งเยอะ ต่อไปคงไม่ต้องบอกนะ 036 ส่วนเรื่องของในช่องกรองสำหรับผู้ที่ใช้กรองข้างก็มี 3 อย่างเช่นกัน (เอาตามที่ผมใช้นะ) คือ
- ชั้นบนสุด แน่นอนครับคือใยแก้ว
- ชั้นที่ 2 หรือชั้นกลาง ส่วนใหญ่มี 3 ช่องหลักๆเน๊อะ คงต้องหนีไม่พ้น เศษปะการัง
- ช่องล่างสุด ส่วนใหญ่จะเป็นช่องที่ใหญ่ที่สุดตะก่อนผมปล่อยว่าง แต่ช่วงหลังเอาหินเป็นมาใส่เพิ่มเข้าไป อิอิ
9. คำถาม"วัสดุใช้รองก้นตู้ควรใช้อะไร?"
ตอบ วัสดุใช้รองก้นตู้มีหลายอย่างด้วยกัน (ควรใช้ของที่มาจากทะเล) เช่น ทรายขาว ทรายดำ เศษปะการังเบอร์เล็กๆ(เบอร์00) หรือบางคนก็ไม่ใช้อะไรรองเลยก็มี (อันนี้ระวังตู้แตกเวลาจัดหินหรือหินมันถล่มลงมา) แล้วจะใช้รองมากแค่ไหน ถ้าเป็นทรายควรจะสักประมาณ 1 นิ้ว (นิ้วไม้บรรทัดนะโว้ยไม่ใช่นิ้วตัวเอง) [เอ๊ะ!!!] ถ้าเป็นพวกเศษปะการัง ก็สักประมาณ ครึ่งนิ้วไม้บรรทัดเช่นกัน *จริงไแล้วไม่อยากจะแนะนำให้ใช้ เศษปะการังใส่กรองนะครับเพราะหมักหมม ใช้หินเป็นจัดเป็นก้อนๆเลยจะดีกว่า
10. คำถาม "แล้วปลานี่ ลงได้ตามใจฉันเลยหรือไม่"
ตอบ แน่นอนครับ หลังจากการที่เพื่อนๆ อดทนรอการรันน้ำมาเป็นเวลานานนับเดือน(แม่มเหมือนปีนึงเลย) [โฟ่ววว] ทุกคนก็อยากที่จะเริ่มลงปลากันละและสิ่งมีชีวิตต่างๆกันละ (ใจจริงอยากลงตั้งแต่วันสองวันแรกด้วยซ้ำอิอิ) แต่เดี๋ยวก่อน.....การลงปลาหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆนั้น ไม่ใช่ว่าจะลงได้ตามใจฉัน มีตังซื้อได้ "เงินกูตายก็ซื้อใหม่ได้" แบบนี้ไม่เอานะครับ หลายๆคนอาจมีปลาในดวงใจกันมากมายไม่ว่าจะเป็น นีโม่ ยอดนิยม ปลาตระกูลแท๊งต่างๆ ตระกูลปลาผีเสื้อ เป็นต้น การที่เราจะเอาชีวิตใดชีวิตหนึ่งหรือหลายชีวิตมาลงในตู้ทะเลของเรา เราต้องศึกษานิสัยปลาก่อนเลยเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการเลี้ยงดู เช่น ปลาประเภทนี้กินอะไร ลำบากการซื้อหาอาหารมาให้ปลาของเราหรือไม่ ลงปลาชนิดนี้ไปแล้ว มันจะกัดกันมั้ย หวงถิ่นมั้ย ดุร้ายแค่ไหน กินก้นตู้รึเปล่า ไม่ใช่สักแต่ว่าลงนะครับ ต้องศึกษาก่อนสำคัญมากๆครับ สงสารน้องปลาและก้นตู้กันด้วยนะครับถ้าเรานำเขามาเลี้ยงแล้วเกิดตาย กัดกันหูดับตับไหม้ จนกระทั่งปลาตาย ทุกอย่างนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นครับ
เครดิต คุณอ้วน (อุดรธานี) ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ [on_018]
11. คำถาม "จากข้อ10แล้วจะศึกษาได้จากไหน"
ตอบ 1. จากผู้รู้ คือร้านค้า ถามเลยครับ สงสัยอะไรถามเลย (แต่ระวังบางร้านหลอกเอาด้วย บางร้านต้องการแค่จะขายของเท่านั้น เจอร้านแบบนี้ เปลี่ยนร้านเลยครับ)
2. จากเว็บต่างๆ หรือ พี่ Google
3. ลิงค์นี้เลยครับ http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=130754.0
12. คำถาม "ปลาซื้อมาจากร้าน แกะถุงลงได้เลยหรือไม่"
ตอบ No!!!!! ตัวเท่าบ้าน ทำตามลิงค์นี้ครับ http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=128851.msg1549775#msg1549775
13. คำถาม "น้ำที่ใส่ตู้ทะเลต้องทำอย่างไร"
ตอบ การเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ทะเล หรือการรันน้ำทะเลนั้น ที่สำคัญคือน้ำต้องเป็นน้ำที่ผ่านการกรองเป็นอย่างดีแล้ว อย่าใช้น้ำประปา น้ำที่ใช้ควรเป็นจืดที่บริสุทธิ ไม่มีคอรีน หรือน้ำกรอง ro
14. คำถาม "แล้วที่บ้านเราไม่มีเครื่องกรองน้ำทำไงดีหล่ะ"
ตอบ ไม่ต้องไปซื้อเครื่องกรองใหม่ครับ ถ้าใครอยู่หอ/อพาทเมนต์ มีตู้กดน้ำใต้ตึก ใช้ได้ตามอัธยาศัย บ้านใครสั่งน้ำถัง ที่เป็นแกลอนสีขุ่นๆ(ถังละ10กว่าบาท) เชิญใช้ได้ [on_066]
15. คำถาม "แล้วการเปลี่ยนน้ำทะเลต้องทำไง"
ตอบ ในการถ่ายน้ำตู้ทะเล ส่วนใหญ่ จะเปลี่ยนถ่ายแค่ประมาณ 10-30% ของน้ำที่มีในตู้ ประมาณ 2 อาทิตย์หรือ 1 เดือน ถ่ายน้ำ 1 หน(โดยประมาณ)
วิธีการ นำน้ำจืดที่สะอาด*ไม่ควรใช้น้ำจากก๊อก(น้ำประปา) โดยตรงย้อนขึ้นไปดูข้อ 13-14 [แคะขี้มูก] นำน้ำใส่ภาชนะเทเกลือลงไปในน้ำ ตีน้ำให้เกลือละลายในน้ำโดยทั่วกัน แล้วเปิดออกซิเจนทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน แล้วค่อยๆเติมน้ำลงไปในตู้ทะเลจนมีระดับน้ำเท่าเดิม หรือใช้น้ำทะเลคุณภาพที่มีขายอยู่ ก่อนที่จะถ่ายน้ำอย่าลืมวัดความเค็มระหว่างน้ำทะเล หรือน้ำตีเกลือให้เท่ากับความเค็มในตู้ก่อนนะครับ
16. คำถาม "แล้วเกลือที่ใช้ในตู้ทะเลใช้เกลือไอโอดีในครัวได้ปะ"
ตอบ ซื้ออะไรก็ซื้อได้ ซื้อเกลือวิทยาศาสตร์ จะดีที่สุดครับ ซื้อได้จากไหน? ตามปั้มน้ำมันมั้ง...[on_048] [on_049] ตามร้านขายอุปกรณ์ทะเลทั่วไป ยี่ห้ออะไรดีที่สุด อันนี้แล้วแต่เงินในกระเป๋าท่าน แต่ผมใช้ของ AquaRaise ถุงละประมาณ 400-500 บาท
17. คำถาม "ตู้เลี้ยงปลามาตรฐานทั่วไป(ตู้โรงงานสำเร็จรูป)เลี้ยงปลาทะเลได้มั้ย"
ตอบ ถามว่าเลี้ยงได้มั้ย มันมีปัจจัยหลายๆอย่างครับ เช่น ขนาดตู้,สิ่งที่เลี้ยง ฯลฯ ถามต่อ "ทำไมหล่ะ" ตอบ ยิ่งตู้ใหญ่ความหนาแน่นของน้ำในตู้ก็จะยิ่งเยอะ (น้ำเค็มความหนาแน่นในตู้มันเยอะกว่าเลี้ยงปลาน้ำจืด) โอกาสโบ๊ะมันก็จะมีมากกว่าถ้าเลี้ยงไปนานๆ [on_008] ถ้าตู้เล็กๆก็ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ ถามต่อ "แล้วสิ่งที่เลี้ยงมันมาเกี่ยวอะไรด้วยอะ" ตอบ อันนี้สำคัญครับ ถ้าคุณเอาตู้มาตรฐานทั่วไปมาเลี้ยงตู้ทะเลที่มีก้นตู้ด้วย(ประการัง) สิ่งที่ต้องใช้ที่สำคัญไม่น้อยกว่าอุณหภูมิในน้ำและแสงไฟก็คือ ตัวโยกคลืน หรือ ตัวจำรองคลื่นนั่นเอง คุณก็คิดเอาแล้วกัน ว่าความหนาแน่น+แรงคลืน มันจะขนาดไหน die1 แต่ก็ไม่ได้บอกให้กลัวอะไรกันมากมายนะครับ ถ้าเลี้ยงแต่ปลา ก็ได้อยู่สบายๆ แต่สิ่งที่แน่ๆก็คือ ต่อให้คุณใช้ตู้หนาสักแค่ไหนแต่คุณภาพของตู้ หรือ คนทำตู้ออกมา "ห่วย" มันก็เท่านั้นครับ [on_026]
18. คำถาม "จำเป็นมั้ยว่าการเลี้ยงปลาทะเลจะต้องมีกรองล่าง"
ตอบ ถามว่าจำเป็นมั้ย ถ้าคุณเลี้ยงปลาธรรมดา ตู้ไม่เกิน 24 นิ้ว ก็พอใช้กรองข้างเต็ม(ที่ติดมากับตู้)หรือกรองนอกทั่วไปได้ **แต่** คุณต้องขยันจริงๆ กรองต้องสะอาด (ใยแก้ว) ต้องซักบ่อย ในเมื่อซักบ่อย ก็ต้องเปลี่ยนบ่อย ถ้าตู้ใหญ่เกิน 24 นิ้วแนะนำให้มีกรองล่าง เพื่อความสุขของปลา เพราะถ้าปลามีความสุข คนเลี้ยงก็มีความสุขไปด้วย [on_066]
19. คำถาม "แล้วสกิมเมอร์หล่ะจำเป็นมากน้อยแค่ไหน"
ตอบ สกิมเมอร์สำคัญครับ มันช่วยดูแลความสะอาดและช่วยกำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ที่บางครั้ง แบคทีเรียหรือสัตว์ที่เราคอยให้กินเศษก้นตู้ต่างๆมันช่วยดูแลไม่ได้ นั่นก็คือพวกขี้ต่างๆของสิ่งมีชีวิตในตู้เป็นต้น และถามต่อไปอีกแล้วถ้าไม่มีได้มั้ย ถ้าคุณเลี้ยงแต่ปลาก็พอไหวครับ แต่ปลาในตู้ต้องไม่มีเยอะจนเกินไป และสิ่งที่สำคัญคือคุณต้องขยัน ขยันยังไงย้อนขึ้นไปดูข้อ 18 แต่ถ้าคุณต้องการจะเลี้ยงก้นตู้ด้วยแน่นอน สกิมเมอร์มันเป็นสิ่งที่คุณขาดไปไม่ได้ครับ
20. คำถาม "ถ้าเราเลี้ยงปลาหรือก้นตู้ไปเรื่อยๆ เราต้องเติมแร่ธาติอะไรใส่ตู้เราเพิ่มมั้ย"
ตอบ ถ้ามีก็ดีครับ มีมากมายหลายยี่ห้อ แต่ถ้าใครไม่อยากสิ้นเปลืองมีวิธีดีๆมาฝากครับ..... [on_066]
อ้างถึง
จริงๆหลักการคิดเรื่องแร่ธาตุในตู้ปลาทะเลมันก็ง่ายๆครับแค่ "เติมในสิ่งที่ขาด" กับ "รู้ก่อนว่าสิ่งที่เราเลี้ยงต้องการอะไร"
ถ้าจะเติมแบบจริงจังคงต้องศึกษากันยาวทีเดียวเลยล่ะถึงจะเห็นผลแบบจับต้องได้ ผมถึงตอบให้มือใหม่อ่านอยู่เสมอว่า"ใช้เกลือให้ดีระดับมาตรฐาน เปลี่ยนน้ำสม่ำเสมอก็เพียงพอแล้วสำหรับการเลี้ยงทั่วไป" คนไทยติดนิสัยปรุงก่อนชิมเสมอแม้ว่ามันรสชาติพอดีแล้วก็ต้องขอเหยาะนั้นนิด เติมโน่นหน่อย....ได้เสียตังค์สบายจายยย แอ๊
ถ้าจะเติมแร่ธาตุให้ถูกต้องเราก็ต้องวัดค่าแร่ธาตุทุกตัวที่ปะการังหลักๆในตู้เราใช้ซะก่อน แล้วก็ต้องรู้ว่าเติมระดับไหนถึงจะดี
พอเติมแล้วก็วัดอีกว่าพอดีหรือยัง? แบบที่ซื้อมาเทๆเติมๆไปตามฉลากข้างบอกทุกวันทุกอาทิตย์มันก็แค่ค่าทางใจเติมแล้วรู้สึกดีถ้าเลี้ยงแค่ของอ่อนผสมโครงแข็งนิดหน่อยของแค่ลงทุนกับเกลือที่ดี (ดูในห้องโชว์ตู้ว่าเค้าใช้ไรกัน) ดีกว่าไปเสียเงินซื้อโน่นนี่มาเติมไว้จะไต่เขา sps ค่อยมาศึกษาเรื่องแร่ธาตุอย่างจริงจังก็ได้ครับ
ผมขออนุญาติยกข้อความของท่าน Romeo_Pop มาทั้งกระบิเลยแล้วกัน หรือสรุปง่ายๆคือ "สรุปก็คือ เราต้องรู้ก่อนว่ามี "สิ่งมีชีวิตอะไรบ้างในตู้ของเรา" วัดค่าต่างๆให้ครบที่สุด แล้วถ้ามีสิ่งที่ขาดหายค่อยเติม " จะได้ไม่สิ้นเปลืองครับถ้าจะเติมแบบจริงจังคงต้องศึกษากันยาวทีเดียวเลยล่ะถึงจะเห็นผลแบบจับต้องได้ ผมถึงตอบให้มือใหม่อ่านอยู่เสมอว่า"ใช้เกลือให้ดีระดับมาตรฐาน เปลี่ยนน้ำสม่ำเสมอก็เพียงพอแล้วสำหรับการเลี้ยงทั่วไป" คนไทยติดนิสัยปรุงก่อนชิมเสมอแม้ว่ามันรสชาติพอดีแล้วก็ต้องขอเหยาะนั้นนิด เติมโน่นหน่อย....ได้เสียตังค์สบายจายยย แอ๊
ถ้าจะเติมแร่ธาตุให้ถูกต้องเราก็ต้องวัดค่าแร่ธาตุทุกตัวที่ปะการังหลักๆในตู้เราใช้ซะก่อน แล้วก็ต้องรู้ว่าเติมระดับไหนถึงจะดี
พอเติมแล้วก็วัดอีกว่าพอดีหรือยัง? แบบที่ซื้อมาเทๆเติมๆไปตามฉลากข้างบอกทุกวันทุกอาทิตย์มันก็แค่ค่าทางใจเติมแล้วรู้สึกดีถ้าเลี้ยงแค่ของอ่อนผสมโครงแข็งนิดหน่อยของแค่ลงทุนกับเกลือที่ดี (ดูในห้องโชว์ตู้ว่าเค้าใช้ไรกัน) ดีกว่าไปเสียเงินซื้อโน่นนี่มาเติมไว้จะไต่เขา sps ค่อยมาศึกษาเรื่องแร่ธาตุอย่างจริงจังก็ได้ครับ
21. คำถาม "ตู้ผมมีสัตว์ประหลาดเยอะเลย ทำยังไงดีครับ"
ตอบ สัตว์ประหลาดพวกนี้ส่วนใหญ่ติดมากับหินเป็นที่เราซื้อมาครับ วิธีแก้มีอยู่หลายวิธีครับคือ
1. ซื้อหินมาปุ๊ปทำให้หินตายก่อน ทำยังไง ก็แค่เอาหินไปตากแดด แล้วก็นำมาล้างให้สะอาด เสร็จปุ๊ปก็เอามารันในระบบคุณก็จะได้หินสะอาดสะอ้าน
2. ทำหินเป็นเอง ทำยังไง ถามพี่กูเกิลได้ครับ
3. หาสิ่งมีชีวิตมาช่วยกำจัด ส่วนตัวผมใช้เจ้าตัวนี้เลย เอาภาพมายืนยัน
ชื่อของมันคือ ปลาแก้วแดง ครับ [on_026]
ปล. เสียงประกอบคลิปอาจจะแนวไปหน่อยขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ [on_024]
22. คำถาม "พี่ครับตู้ผมตะไคร่น้ำตาลขึ้นเต็มเลยครับ ทำยังไงดีครับ"
ตอบ ตะไคร่น้ำตาลนี้เป็น micro algae แต่จริงๆแล้วพวกนี้นั้นไม่ใช่ตะไคร่แต่อย่างใดเเต่เป็น Diatom(ไดอะตอม) นั้นเป็น plankton ที่ต้องการแสงเป็นอาหารและชอบเกาะตัวอยู่กันเป็นกลุ่ม
อะไรทำให้มันโต:
แสง: หลอดที่ไม่ได้ตามspectrumที่ต้องการทำให้แสงที่ไม่เป็นประโยคเยอะเกินไป, ขาดการดูแล, หรือชัวโมงที่เปิดไฟนั้นเยอะเกินไป
แร่ธาติ: Diatoms นั้นชอบ silca/silicates มากที่สุด และ DOCs (Dissolved Organic Compounds) หรือเศษอารหารหรือสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วที่ย่อยสลายแล้ว, ไนเตร และ ฟอสเฟดก็มีส่วนด้วยเช่นกัน อ้างอิงจาก ท่าน weedsand
ผมเลยมีอีกวิธีนึงมาเสนอให้ครับ ตามคลิปเลยครับ
อุ้ยนั่นปลาอะไรหน่ะ มันคือ โกบี้หน้าผีครับ
สังเกตุจากคลิปนะครับ แถวๆมุมตู้ จะเห็นเป็นจ้ำๆ มันเกิดจากการหม่ำของเจ้าโก้บี้ตัวนี้ครับ
ปล.อันนี้เป็นเพียงคลิปแนะนำที่เกิดจากตู้ของผมนะครับ แต่ถ้าท่านใดซื้อโกบี้หน้าผีมาแล้วมันดัน ขี้เกียจ ไม่กินตะไคร่แบบนี้ ก็... [on_024]
แต่ทางที่ดีควรแก้ที่ต้นเหตุครับ ตามที่ผมอ้างอิงมาให้อ่านครับ แก้ไขที่ต้นเหตุดีที่สุดครับ [on_066]
23. คำถาม "การเลือกซื้อสกิมเมอร์ ต้องเลือกแบบไหนอะ??"
ตอบ ตามลิงค์ผมได้ลงไว้ให้ละ เป็นการเลือกซื้อแบบคร้าวๆ ง่ายๆ นะครับจะมีการบอกตั้งแต่การคำนวนค่าน้ำ วิธีเลือกให้เหมาะกับตู้ ฯลฯ ตามลิงค์ครับ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=488863971219624&set=a.398057936966895.1073741826.397526717020017&type=1&theater
24. คำถาม "ผม/หนู" เลี้ยงปลาล้วนมาอยากลงก้นตู้(ปะการัง) สามารถลงได้เลยมั้ย"
ตอบ ก่อนอื่นเลย มาเช็คสิ่งที่ต้องมีกันครับหลักๆ ได้แก่
- ตัวเทสต์คิส ไนเตรด No3 และ ตัวเทสต์คิส KH หรือตัววัดคาร์บอเนต
- ตัวทำคลื่น (อันนี้ต้องมาดูด้วยนะครับว่าตู้ของคุณ กระจกหนาเท่าไหร่ ถ้าตู้ไม่ใหญ่มาก 8 มิลหรือ 2.5 หุน ก็ไหวครับแต่ถ้าเป็นตู้ 48 ขึ้นไป อยากให้เป็นตู้ 3 หุน หรือ 10 มิลครับ จะได้โยกคลื่นกันแบบสบายใจ
- สกิลเมอร์ ขอให้เป็นสกิมเมอร์คุณภาพระดับกลาง จำพวก เคิฟ หรือ แน็ค ขึ้นไปครับ ส่วนขนาดไหนก็ศึกษากันเอาครับ
- ชิลเลอร์ / คอยด์ทำความเย็น หรือต่ำสุดก็พัดลม ควรรักษาอุณหภูมิของน้ำ ให้คงที่ครับ และต้องเย็นพอสมควร การเลี้ยงก้นตู้ สูงสุดของอุณหภูมิน้ำในตู้ไม่ควรเกิน 28-29 ครับ ถ้าเกินจะทำให้ปะการังบางตัว(ส่วนใหญ่ของนอก)จะไม่รอดเอาครับ [mo_001]
25. คำถาม "มีของครบแล้วทำไงต่ออะ"
ตอบ ถ้าคุณมีอุปกรณ์ตามข้อ 24 เรียบร้อยแล้ว ก็จัดการเทสต์ค่าน้ำได้เลยครับ ตัวแรก ก็ ไนเตรด No3 ก่อนเลย ค่าของไนเตรด ไม่ควรสูงกว่า 50 (ถ้าจะให้ดีควรเป็น 0) ครับ ส่วนค่า KH ค่าที่สมควรจะมีของน้ำคือ 8-10 ครับ ถือเป็นค่าที่ใช้กันทั่วไปครับ ถ้า 2 ตัวนี้ผ่าน ติดตั้งตัวทำคลื่น ติดตั้งตัวทำความเย็นเรียบร้อย ก็จัดการหรือลงปะการังกันได้เลยจร้า [on_066]
ติดตามและอัพเดตข้อมูลได้ที่ https://www.facebook.com/nava.aquarium
และ....................................****ที่ขาดไม่ได้นี่สำคัญสุดๆ=เงิน**** [on_008]
ปล.อันนี้อาจจะไม่ตรงกับกูรูที่ท่านอ่านเจอมา(ในบางข้อ)นะครับ แต่อันนี้คือประสบการณ์และสิ่งที่ศึกษามาจากทั้งเว็บนี้และพี่ Google ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ใครมีข้อสงสัย+ขอแนะนำเสริมให้กับมือใหม่ก็เชิญได้ตามอัธยาศัยครับ [เจ๋ง] idea1
ให้ความสำคัญ และ ศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะเอาชีวิตเพื่อนร่วมโลกมาเสี่ยง