Aqua.c1ub.net
*
  Fri 26/Apr/2024
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องควรรู้ : การเลี้ยงปลา กับบางข้อมูลที่ผิดพลาด  (อ่าน 35643 ครั้ง)
~ m @ y ~ ออฟไลน์
Club Leader
« เมื่อ: 27/09/06, [11:52:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

วันหนึ่งผมไปเดินตลาดขายส่งปลาสวยงาม เห็นปลาที่เขาขายยกถุง ถุงหนึ่งนับสิบนับร้อยมากมายก่ายกองสารพัดชนิด ตลาดค้าส่งยังไงก็ยังมีสภาพแบบตลาดค้าส่ง นั่นคือ ยุ่ง วุ่นวาย และไม่ค่อยจะสะอาด ตรงนี้ไม่ได้ต่อว่านะครับ เพียงแต่พูดตามที่ได้พบเห็น แผงขายปลาบางแผงตั้งห่างจากกองขยะนิดเดียวเอง แถมขยะก็เป็นชนิดสด มีทั้งเศษอาหาร ซากปลาตาย อะไรต่อมิอะไรทั้งหลายแหล่ที่ดูแล้วชวนสยอง กลิ่นนั้นฉุนกึ้ก แยงเข้ามาในจมูกจนหน้าเหยเก แต่เห็นร้านแถวนั้นก็ค้าขายกันไปตามปกติ ไม่เห็นมีบ่นว่าอะไร คงด้วยเพราะชินนั่นเอง

ข้อดีของตลาดค้าส่งก็คือ ของถูก เป็นแหล่งรวมปลาจากฟาร์มรอบๆ กรุงเทพฯ เช่น นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรปราการ คนเดินตลาดมีหนาแน่นพลุกพล่าน ส่วนใหญ่เป็นบรรดาร้านขายปลีก หรือไม่ก็ร้านใหญ่จากจังหวัดไกลๆ มารับเพื่อไปขายส่งต่อให้ร้านย่อยอีกทีหนึ่ง การค้าเช่นนี้เป็นระบบดี ไม่สับสนวุ่นวาย พ่อค้าแม่ค้าก็เรียกราคากันไปตามสมควร ซึ่งดูแล้วไม่แพงเลย ออกจะถูกด้วยซ้ำ เพียงแค่ต้องซื้อมีจำนวนสักหน่อย จะมาเอาแค่ตัวสองตัวคงไม่ได้ หรือถ้าได้ราคาก็จะเป็นอีกแบบ คือแพงกว่าหน่อย

การเดินดูปลาในตลาดส่งแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คือได้รู้ความเป็นไปของกระแสการเลี้ยงปลาสวยงามในบ้านเรา ว่าเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร ปลาอะไรกำลังเป็นที่นิยม ปลาอะไรที่น่าจับตามอง ยิ่งเฉพาะใครที่คิดทำฟาร์มปลาอยู่ด้วยแล้วต้องพยายามพาตัวเองเข้าแหล่งค้าส่งให้บ่อยหน่อย จะได้ไม่ตกยุคสมัยเพาะปลาออกมาขายไม่ออก เพราะตลาดไม่นิยมกันแล้ว

นอกเหนือจากได้รู้ "เทรนด์" ของการเลี้ยงปลาแล้ว ยังได้เปิดโลกทัศน์ให้กับหลายๆ คนที่รู้จักปลาอยู่เพียงไม่กี่อย่าง พอไปเห็นเข้าก็ลานตาน่าตื่นใจ มีปลาหน้าแปลกประหลาดไม่เคยพบเคยเห็นให้เลือกดูจุใจ บางคนไปแล้วไม่กลับมือเปล่า หิ้วถุงปลาพะรุงพะรังเอากลับมาเลี้ยงที่บ้านอีก เพราะทั้งราคาถูกและแปลกใหม่ดี แต่ขอเตือนไว้สักนิดสำหรับมือใหม่ เนื่องจากปลาที่เขานำมาขายส่งนั้นมีปริมาณมากอัดแน่นอยู่ในถุง เพราะฉะนั้นปลาย่อมเกิดความเครียด ทั้งเบียดเสียดแออัดและทั้งเดินทางมาไกล รถวิ่งก็เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวามึนหัวตัวเซ ลักษณะแบบนี้ปลาค่อนข้างจะติดโรคได้ง่าย เมื่อนำมาเลี้ยงแล้วทำไม่เป็นก็ทยอยกันตายวันละสองสามตัว เผลอเช้ามาลอยหงายยกตู้ส่งกลิ่นพะอืดพะอม ร้านขายปลีกเขามีประสบการณ์ เมื่อได้ปลากลับไปแล้วส่วนใหญ่จะยังไม่ขายในทันที ต้องนำมาพักปรับน้ำปรับสภาพกันให้แข็งแรงดีเสียก่อน แต่ละร้านก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป และมักเป็นความลับ เพราะตรงนี้แหละคือหัวใจของการทำกำไร ร้านใหม่ๆลงปลาไม่เป็น เอามาขายเท่าไหร่ก็ขาดทุน ลองถามเจ้าของร้านปลามาหลายเจ้าแล้ว ว่าทำไมปลาเฮียแข็งแรงดีจัง เอามาลงเยอะๆ นี่ไม่ตายบ้างเหรอ เฮียยิ้มมุมปากแบบมีความลับชนิดไม่ยอมแพร่งพราย ทำหน้าอินโนเซ้นท์แล้วบอกว่า โอ้ย! ไม่เห็นต้องทำอะไรซักอย่าง อั๊วก็ลงส่งๆ ไปอย่างงั้นเอง น้ำก็ไม่ได้ปรับ ยาก็ไม่ได้ใส่ นี่แหละครับ ตอแหลทั้งเพ

คนบางคนอยากได้ของถูก สู้อุตส่าห์ขับรถไปตลาดค้าส่ง ยอมจ่ายค่าทางด่วน ค่าน้ำมันอันแสนแพง แถมยังที่จอดรถที่ไม่เห็นมันจะสะดวกซักที ไปซื้อปลาหางนกยูงมาหนึ่งถุง ราคาส่งตกตัวละไม่กี่บาท ขากลับอาจมีของแถมคือรอยขีดข่วนข้างรถ เพราะบรรดารถเข็นเอย คนงานส่งตู้ปลาเอย เดินเบียดแทรกตัวขูดไปขูดมา (ผมเคยโดนร่มแม่ค้าขายชาเขียวโออิชิล้มใส่ข้างรถ ยังเป็นรอยอยู่จนทุกวันนี้ เพราะขี้เกียจไปทำสี) พอเอามาถึงบ้านก็ลงปลาด้วยหัวใจปรีเปรมปนหอบแฮ่กๆ เพราะเหนื่อยบวกร้อนโคตร ภูมิอกภูมิใจว่าได้ของถูกสุดๆ (ลืมคิดต้นทุนในการเดินทาง) วันรุ่งขึ้นปลาลอยตายเป็นแพ ที่ยังพอมีชีวิตอยู่ก็โซเซเหมือนคนเมายาบ้า แล้วสุดท้ายก็ตายอยู่ดี การตายแบบนี้หลายท่านไม่ทราบสาเหตุก็ไปโทษฟาร์มปลาว่าวางยาเอาไว้ กะว่าให้ตายเพื่อจะได้ไปซื้อใหม่ จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ สาเหตุก็มาจากที่ผมบอกไปนั่นแหละ

หากมีโอกาสได้ไปเดินเที่ยวตลาดค้าส่งปลาสวยงาม แล้วนึกอยากซื้อติดไม้ติดมือมาสักร้อยสองร้อยตัวก็สามารถทำได้นะครับ เพียงแค่ที่บ้านต้องมีสถานที่เตรียมไว้สำหรับพักปลาเสียก่อน ที่สำคัญอาจต้องใช้ยาบางอย่างมาช่วยปรับสภาพให้ปลาแข็งแรง ถ้าซื้อปลามามากควรแยกใส่ในภาชนะอย่าให้หนาแน่นจนเกินไป เพราะปลาจะยิ่งเพิ่มความเครียดและขับสิ่งสกปรกออกมาเพิ่มเชื้อโรคในน้ำ ตู้หรือภาชนะควรโล่งไม่ต้องใส่หินหรือทราย แต่อาจมีที่หลบซ่อนสำหรับปลาบางอย่างที่ต้องการ เช่น ปลาหมู หรือปลากดบางชนิด อุปกรณ์กรองน้ำไม่ต้องให้วุ่นวาย เอาแบบง่ายๆ อย่างกรองโฟมหรือกรองกระป๋องก็โอเคแล้ว ที่สำคัญ อย่าลืมหาฝามาปิดกันไว้ ปลามาใหม่ๆ ไม่คุ้นน้ำมักกระโดดดึ๋งดั๋ง เช้ามาปลานอนตายแห้งข้างตู้เป็นสิบตัว น้ำสำหรับใส่ในตู้ปลาต้องไม่ใช่น้ำใหม่นะครับ ควรพักน้ำไว้หลายวันหน่อย เปิดออกซิเจนทิ้งไว้ ไม่จำเป็นต้องให้แสงสว่าง พักปลาในสถานที่แบบนี้หลายๆ วัน จนมั่นใจว่าปลาใหม่แข็งแรงดี ว่ายน้ำกันร่าเริงและกินอาหารได้ก็ค่อยนำขึ้นเลี้ยงในตู้ใหญ่ต่อไป

การใส่ปลาใหม่ลงไปรวมในตู้ปลาเก่าเลยไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะหากปลาใหม่มีโรคแอบแฝงมาก็อาจพาติดไปทั่วจนตายเกลี้ยงทั้งปลาเก่าปลาใหม่

วันนี้ตั้งใจเขียนเรื่องความเข้าใจผิดบางประการของการเลี้ยงปลาสวยงาม ไหงพาเข้ารกเข้าพงไปเรื่องน้ำเรื่องตู้ได้หนอ อ๋อ!...ใช่แล้ว เพราะว่าผมไปเดินดูปลาในตลาดค้าส่งไง เลยได้ข้อคิดมาเขียนบทความนี้

หาโอกาสมานานแล้วสำหรับเขียนเคลียร์ข้อมูลที่เห็นผิดๆพลาดๆหลายอย่าง จริงอยู่ที่การเลี้ยงปลาไม่ใช่เรื่องจริงจังคอขาดบาดตาย แต่ไหนๆจะเลี้ยงกันทั้งที รู้เอาไว้ก็ไม่เสียหาย จริงไหมครับ ข้อมูลหลายๆอย่างคนส่วนใหญ่รู้กันแล้ว แต่ผมก็ยังอุตส่าห์ดันทุรังเขียน เพื่อที่นักเลี้ยงปลาบางท่านซึ่งอาจยังไม่ทราบ เพราะเพิ่งเริ่มต้นเลี้ยงหรือเลี้ยงแบบไม่ได้สนใจ

ว่ากันด้วยเรื่องของชื่อปลาก่อน

ปลาหลายชนิดเลยครับ เห็นเขียนชื่อที่ตู้หรือถุงปลาไม่ค่อยจะถูกต้องกันเท่าไหร่ เข้าใจว่าคงเป็นเพราะเรื่องของภาษา ชื่อปลาบางชนิดเป็นภาษาละติน บางชนิดเป็นภาษาอังกฤษ เกษตรกรนักเพาะพันธุ์บ้านเราไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก ด้วยเพราะเทใจไปกับการผลิตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญมากกว่า แต่ที่นี้ร้านค้าเมื่อรับปลามาขายแล้วก็ไม่ทันได้ดู เขาว่ามาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น คนซื้อซื้อไปจึงได้ชื่อผิดๆถูกๆมาเรียกขานกัน พอเจอใครเรียกชื่อจริงๆเข้า ก็หัวเราะก๊ากใหญ่แล้วแถมยังสอนเขาให้เรียกเสียใหม่ ด้วยชื่อที่ตนจำมาผิดๆต่อไปอีกแน่ะ

ยกตัวอย่าง เช่น ปลาเซลฟิน ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Poecilia velifera อันนี้ช่างมันเถอะ ไม่ค่อยมีใครเรียกด้วยชื่อวิทย์เท่าไหร่นักหรอก ส่วนภาษาอังกฤษคือ Sailfin Molly เรียกสั้นๆ ว่า "เซลฟิน" ซึ่งแปลว่า "ครีบที่เหมือนใบเรือ" เหตุที่เรียกชื่อนี้ก็เพราะปลาชนิดนี้โดยเฉพาะตัวผู้จะมีครีบกระโดงหลังตั้งสูงชันเสมอกัน คล้ายใบของเรือใบ แต่ตามที่ไปเดินดูมาตามตลาดและร้านค้าปลีก มักเรียกชื่อปลาตัวนี้ด้วยชื่อต่างกันออกไป เช่น ปลาซันฟิน ปลาซันฟิล ปลาซันฟิช

ปลาหางดาบ (Xiphophorus helleri) ชื่อภาษาอังกฤษคือ Swordtail ถ้ามีสีแดงก็เรียก "เรดสอร์ดเทล" ถ้ามีสีเขียวอมเหลืองฟ้าก็จะเรียก "กรีนสอร์ดเทล" คำว่า "สอร์ด" แปลว่า "ดาบ" เนื่องจากปลาชนิดนี้ในตัวผู้จะมีปลายหางด้านล่างเหยียดยาวแหลมออกมามากคล้ายดาบ หลายท่านมักเข้าใจว่าปลาตัวนี้ชื่อ "สอด" บางทีก็เรียกซ้ำซ้อนไปว่า "ปลาสอดหางดาบ" ผมเคยได้ยินหลายคนพูดว่า เพราะปลาตัวนี้มาจากแม่สอด ถึงได้ชื่อว่าปลาสอด นี่ก็อีกตัวอย่างของความสับสน

ปลาแพล็ตตี้ (Xiphophorus maculatus) โดยเฉพาะตัวที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Red Wag Platy" เป็นปลาในกลุ่มปลาออกลูกเป็นตัว (Livebearer) เหมือนกับปลาหางดาบและปลาเซลฟิน ลักษณะเกือบคล้ายปลาหางดาบแต่จะอ้วนป้อมสั้นกว่า และหางตัดเป็นรูปพัดไม่ยื่นแหลม มีสีแดงตลอดทั้งลำตัวและมีครีบหางครีบกระโดงเป็นสีดำ ปลาตัวนี้เรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า ปลาแพล็ตตี้ แต่แล้วไปๆมาๆฟาร์มก็บัญญัติชื่อใหม่กลายเป็น "ปาร์ตี้" ผมเห็นชื่อทีแรกนึกว่าชื่อขนมขบเคี้ยวเสียอีก

ปลาโรซี่บาร์บ (Puntius conchonius) ชื่อภาษาอังกฤษ "Rosy Barb" เป็นปลาบาร์บขนาดเล็กที่มีสีเหลือบเหลืองทองสวยงาม ปลาที่คัดสายพันธุ์ในชั้นหลังๆ มีสีอมแดงส้มคล้ายกลีบกุหลาบ(โรซี่) ร้านปลาส่วนใหญ่มักเรียกปลาตัวนี้ผิดๆ ว่า "ลูซี่บาร์บ"

ปลาบาร์บทอง (Puntius sachsi) ชื่อภาษาอังกฤษคือ "Golden Barb" ลักษณะคล้ายๆ กับโรซี่บาร์บ แต่ตัวเรียวกว่าและผิวเกล็ดไม่เงาแวววาวเหมือนโรซี่บาร์บ ออกจะเป็นสีเหลืองสด ส่วนโคนหางมีปานดำ ผู้นำเข้าสมัยก่อนเคยเรียกชื่อปลาชนิดนี้ว่า "โกลเดนบาร์บ" ทับศัพท์ภาษาอังกฤษ แต่ไหงหลังๆ กลายเป็น "ปลาบูบทอง" ไปได้ก็ไม่รู้ ฟังผิวเผินคล้ายปลาบู่ทองพิกล

ปลาหมอบัลซานิอาย (Gymnogeophagus balzanii) ชื่อภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า "Balzanii" ทับชื่อวิทยาศาสตร์ไปเลย หรือ "Paraguay Eartheather" ก็ได้ ปลาหมอบัลซานิอายมีถิ่นฐานอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ลักษณะคล้ายปลาหมอสุรินัมเอนสิส (Geophagus surinamensis) แต่ตัวเล็กและป้อมกลมกว่า ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่บนหน้าผากจะมีไขมันสะสมดูคล้ายวุ้นโหนกขึ้นมา บางคนเลยเรียกปลาหมอตัวนี้ว่า "ปลาหมอหัววุ้น" ปัจจุบันไปตามร้านขายปลา น้อยรายนักจะเรียกชื่อบัลซานิอายถูก โดยมากมักกลายเป็น "บราวน์ซันนี่" ไปเฉยเลย

ปลาหมอเทรตโตเซฟาลัส (Neolamprologus tretocephalus) ปลาหมอกลุ่มนีโอแลมโพรโลกัสจากทะเลสาบทังกันยิกา ที่มีลวดลายคล้ายกับปลาหมอฟรอนโตซ่า (เคยเห็นเหยื่อหลายรายอ้างว่า โดนร้านค้าหลอกว่าเป็นฟรอนโตซ่าจิ๋ว ขายให้ราคาตัวเป็นร้อย ทั้งที่จริงไม่กี่สิบบาท ไม่รู้ร้านไหน) ผมเคยเห็นฟาร์มที่เขาเพาะปลาชนิดนี้เขียนแปะข้างถุงขณะวางขายว่า "ปลาหมอเทคโต้" หรือ "ปลาหมอเต๊บโต้" อืมม์ มันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

ปลาซัคเกอร์ (Hypostomus plecostomus) หรือเรียกอีกชื่อว่า "ปลาเทศบาล" ปลาตัวนี้ผมว่านักเลี้ยงปลามือใหม่ๆ ชอบเลี้ยงกันนัก เพราะเชื่อว่ามันเก็บเศษอาหารและขี้ปลากิน แถมยังช่วยดูดตะไคร่ที่เกาะข้างตู้ให้หมดจดเกลี้ยงเกลาอีกต่างหาก ซึ่งจริงๆแล้วความสามารถของมันอาจทำได้บางอย่าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่คิดกันหรอกนะครับ ที่สำคัญปลาชนิดนี้เมื่อโตเต็มที่แล้วมีความยาวถึง60เซนติเมตร พอเลี้ยงๆไปปลาโตคับตู้ หลายคนจึงนำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ กลายเป็นปัญหาทางระบบนิเวศวิทยาอีกต่อไปไม่จบสิ้น ในต่างประเทศเรียกชื่อปลาตัวนี้ว่า "Sucker Mouse" หรือ "Sailfin Plecostomus" บ้านเราแรกๆก็เรียกทับศัพท์ว่า "ปลาซัคเกอร์" แต่หลังๆเริ่มเพี้ยน กลายเป็น "ปลาซ็อคเกอร์" บ้าง หรือ "ปลาช็อคเกอร์" บ้าง เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ไปเดินดูตามร้านขายปลา เห็นเขียนว่า "ปลาชัคเกอร์" สรุป เรียกไม่ถูกกันสักที่เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/01/07, [15:21:38] โดย m @ y ซ่ า »
~ m @ y ~ ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #1 เมื่อ: 27/09/06, [11:53:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ในตลาดค้าส่งปลาสวยงาม ไม่ใช่มีเฉพาะแผงขายปลาอย่างเดียว ร้านที่เขาจำหน่ายพวกตู้ปลาและอุปกรณ์การเลี้ยง ตลอดจนอาหารนานาชนิดสำหรับปลาแทบทุกสายพันธุ์ ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย บางร้านขายส่ง คือขายยกโหลหรือต้องซื้อกันมากหน่อยถึงจะได้ราคาถูก แต่ร้านขายปลีกก็มีเหมือนกัน ซื้อแค่ชิ้นสองชิ้นก็ขายให้ ราคานั้นแน่นอนว่าไม่ได้ต่ำเท่าราคาส่ง แต่ก็ไม่ถึงกับแพง ซื้อหากันได้สบายใจ สบายกระเป๋า

ผมชอบเดินดูอุปกรณ์การเลี้ยงปลาตามร้านต่างๆ เห็นเขาค้าขายกันแล้วรู้สึกว่าสนุกดี บางร้านขายทั้งปลาและอุปกรณ์ครบชุด แต่บางร้านก็ขายเฉพาะอย่าง เช่น ตู้ปลา ก็เน้นตู้อย่างเดียว แต่เอาให้หลากหลายรูปแบบและขนาด ร้านขายหินก็เน้นหินกันไป ขายแต่ของแข็งๆ จนหน้าขึ้นเหลี่ยมคมสันไปตามๆ กัน บางร้านเล่นเฉพาะต้นไม้น้ำ ทั้งร้านหาปลาสักตัวไม่เจอเลย มีแต่ต้นไม้เป็นร้อยๆ ชนิดแปลกตา สีสันสวยงาม

เดินหลายร้าน ฟังหลายพ่อค้า ก็เลยมีอะไรมาเขียนอีกแล้วตามประสาคนชอบบ่นชอบจับผิด คนเลี้ยงปลาส่วนใหญ่ไม่ได้จริงจังอะไร เอาแค่มีปลามาว่ายดุกดิกในตู้ในโหลก็โอเคแล้ว บางคนเลี้ยงมาตั้งนานยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลาตัวเองสายพันธุ์อะไร พอคนขายถามว่าเลี้ยงปลาอะไรอยู่ ก็ได้แต่ เออ...ไม่รู้เรียกอะไรนะ แต่ตัวมันกลมๆ แดงๆ หน้าหักๆ ปากจู๋ๆ บางตัวก็เห็นมีหางแต่บางตัวก็ไม่มีเนี่ย เลี้ยงมาตั้งสองปีแล้ว อึดโคตร... สรุปว่าเลี้ยงแบบขอไปทีจริงๆ ไม่ได้สนใจเล้ย ว่าปลาตัวเองชื่ออะไร มาจากไหน แล้วควรเลี้ยงด้วยวิธีใด ปลาถึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข เคยคุยกับคนคนหนึ่ง เลี้ยงปลาแบบบุฟเฟ่ต์ คือปล่อยลงไปในอ่างบัวหน้าบ้าน แล้วร้อยวันพันปีไม่เคยให้อาหารสักครั้ง อ้าว!...จะให้ทำไม เห็นมันยังอยู่กันดี ต้องให้ด้วยเหรอ? เพิ่งรู้นะเนี่ย... เอ้า! ตีหน้าซื่อเข้าไป แม่บ้านที่มาด้วยทำหน้าเซ็งๆ บ่นว่าปลาบ้าอะไรไม่ต้องกินอาหาร ชั้นนี่แหละเป็นคนให้ทุกวัน แหม! ซื้อมาก็ไม่ยอมดูแล ปล่อยให้เป็นภาระของคนอื่น...ประมาณนี้ครับ เจอประจำ

เข้าร้านค้าฟังพ่อค้าปลาคุยโม้กันก็เพลินดี ได้ทั้งความรู้แถมบางทียังมีเกร็ดอภินิหารแถมพกด้วยการเมืองสมัยปัจจุบันอีกต่างหาก แต่เราเอาเพียงเรื่องความเข้าใจผิดในการเลี้ยงปลาก็แล้วกัน ประเดี๋ยวจะเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่โต

คนเลี้ยงปลาหลายๆ คนยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงปลา ยิ่งไปเดินดูตามแหล่งค้าส่ง หรือไม่ก็ร้านปลีก จะได้พบได้ยินเป็นประจำจนต้องขอนำมาเล่าให้ฟังกัน ขอแยกเป็นเรื่องๆ ไปดีกว่าครับ

ตู้ระบบกรองแบบชนิดชาตินี้ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ
ความจริงก็คือตู้ปลาที่มีระบบกรองน้ำติดตั้งไว้ภายในข้างตู้นั่นเอง ระบบกรองแบบนี้เริ่มได้รับความนิยมมาราวๆสิบกว่าปีที่ผ่านมา เพราะเป็นระบบบำบัดน้ำ สามารถทำให้น้ำสะอาดอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าระบบกรองน้ำธรรมดาพื้นฐานทั่วไป ที่มีหลักการเพียงดูดเอาน้ำเข้าทางหนึ่งออกอีกทางหนึ่ง มีฟิลเตอร์ดักไว้ตรงกลางเพื่อจับเอาเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกเอาไว้ แต่ระบบบำบัดน้ำจะมีโครงสร้างซับซ้อนกว่า มีขนาดใหญ่กว่า ใช้เนื้อที่ค่อนข้างมาก ภายในกั้นเป็นห้องๆ เหมือนระบบกรองน้ำในบ่อปลาคาร์พ แต่ละห้องจะใช้วัสดุกรองต่างกันไปให้ทำหน้าที่เต็มประสิทธิภาพของตัว เช่น ชั้นบนสุดวางใยกรอง (ที่เป็นแผ่นหนาๆสีขาว ขายเป็นห่อ) ชั้นที่สองใส่ไบโอบอลหรือลูกพลาสติคกลมที่มีรูพรุนหรือหนามเล็กๆ รอบตัวมันเองไว้ให้เต็มแน่น ส่วนชั้นล่างสุดเป็นห้องวางปั๊มน้ำ เพื่อสูบน้ำพ่นกลับเข้าตู้ปลาดังเดิม ในห้องนี้บางทีก็จะใส่หินซีโอไลต์ไว้ด้วย เพื่อดูดซับไนเตรตและแอมโมเนียจากน้ำ อันเป็นผลให้เกิดตะไคร่

หลักการทำงานของระบบบำบัดน้ำจะเป็นดังนี้ครับ ขั้นแรก น้ำในตู้ปลาจะไหลล้นเข้ามาในห้องบำบัดโดยมีตะแกรง หรือขอบอะครีลิกที่บากเป็นซี่ๆ ละเอียดเอาไว้กันไม่ให้ปลาหลุดเข้าไป ผ่านใยกรอง ใยกรองจะซับเอาสิ่งสกปรก อาทิ ฝุ่นตะกอน ขี้ปลา เศษใบไม้ ฯลฯ เอาไว้ พอน้ำผ่านช่องบนสุดลงไปช่องที่สองก็จะพบกับเหล่ายอดมนุษย์ไบโอบอล วัสดุชนิดนี้หากนำมาคลี่เป็นแผ่นระนาบจะได้พื้นที่ต่ออันมากมายมหาศาล และพื้นที่เหล่านี้แหละครับที่เขาจงใจทำเพื่อให้แบคทีเรียชนิดดีมาเกาะอาศัยอยู่ น้ำผ่านเข้ามาในช่องนี้ แบคทีเรียชนิดดีก็จะสู้รบกับแบคทีเรียชนิดเลวเพื่อย่อยสลายกันเองตามกลไกของธรรมชาติ ฉะนั้น ช่องนี้อาจต้องใหญ่หน่อย และมีจำนวนไบโอบอลให้มากเข้าไว้ เสร็จสรรพน้ำจะไหลตกลงมาสู่ห้องสุดท้าย และถูกดูดกลับส่งออกไปตามท่อด้วยปั๊มน้ำเป็นการจบสิ้นกระบวนการ

ตู้ที่ใช้ระบบกรองแบบนี้ควรเป็นตู้ใหญ่ เพราะช่องบำบัดน้ำนั้นหากเล็กไม่ได้สัดส่วนกับตู้ปลาก็อาจทำงานไม่ได้ผล และถึงแม้จะได้ผล แต่มันก็มีขีดความสามารถจำกัดอยู่เหมือนกัน ซึ่งเราก็ต้องเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือโดยการล้างทำความสะอาดอยู่ดี เพียงแต่นานสักหน่อย ไม่บ่อยแบบตู้ปกติ

ร้านหลายร้านอยากขายตู้ก็มักโฆษณาจนเกินจริง ทำให้หลายคนซื้อไปเข้าใจผิด ไม่ดูไม่ล้างเปลี่ยนถ่ายน้ำเลยตามคำคนขาย ปลาบางชนิดก็ทนสุดๆ อย่างเช่น ปลาซักเกอร์ อยู่ได้เป็นปีๆ ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำสักครั้ง แต่ปลาอื่นจะไม่อย่างนั้นสิครับ อย่างปลาทอง ปลาหมอสี แล้วยิ่งปลาเล็กๆ อย่างหางนกยูง ปลานีออน ปลาคาร์ดินัล พวกนี้พอน้ำสกปรกเข้าหน่อยก็มักพานติดโรคป่วยตายกันอย่างง่ายดาย ผู้เลี้ยงปลามาแก้ไขปัญหาด้วยยาก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะยาที่ท่านใส่ลงไปจะฆ่าทั้งเชื้อโรคและจุลินทรีย์ในระบบบำบัดจนตายตกตามกัน เมื่อหัวใจของการบำบัดน้ำซึ่งคือจุลินทรีย์เหล่านี้ตายไปแล้ว ระบบกรองก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับตู้ปลาระบบนี้คือ มันเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งในวงการการเลี้ยงปลา ช่วยยืดเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ผู้เลี้ยงเกิดความรู้สึกสะดวกสบาย หากวางระบบกรองดีๆ ใช้วัสดุชั้นดี ไม่แน่ว่าอาจอยู่ได้หลายเดือน จะเปลี่ยนถ่ายน้ำก็แค่ดูดน้ำออก30%ของน้ำในตู้ทั้งหมด แล้วเติมน้ำสะอาดกลับลงไปให้เท่าเดิม แค่นี้เอง ใช้เวลาน้อยมากๆ

เปลี่ยนน้ำ ล้างตู้แบบเกลี้ยงเกลา
นี่ก็อีกได้ยินมาก็บ่อย ได้เห็นมากับตาก็เยอะ เคยไปเยี่ยมบ้านคนรู้จักกัน เห็นเข้าไปทำอะไรกุกกักในห้องน้ำอยู่นานสองนาน จนเสร็จก็อุ้มตู้ปลาใบเขื่องออกมา ตัวเปียกม่อลอกม่อแลก ถามว่าทำอะไร เขาส่ายหน้าดูท่าทางจะเหนื่อย โอย!...ล้างตู้ปลาน่ะซีถามได้ เหนื่อยโคตรๆ กว่าจะตักปลาออกหมด กว่าจะโกยหินออกมาล้างขัดต้ม เนี่ยตากแดดไว้ ไม่รู้แห้งหรือยัง (ตากทำไมฟะ?) ส่วนตู้นี่ก็ต้องระมัดระวังหน่อย เดี๋ยวกระทบกระแทกจะแตกเอาง่ายๆ เวลาล้างก็ใช้ซันไลท์กับฟองน้ำขัดเบาๆ เอาให้ใสแจ๋ว นี่ทำมานานแล้วหลายปี เลยคล่องหน่อยใช้เวลาแค่สามชั่วโมง เมื่อก่อนหมดไปเป็นวันๆ

อ้าปากหวอฟังวิธีการเลี้ยงปลาของเพื่อนแล้วถึงกับส่ายหัว แต่ครั้นจะชี้ทางสว่างก็กลัวเพื่อนเสียฟอร์ม เพราะดูภูมิอกภูมิใจกับสถิติใหม่สามชั่วโมงของตน เลยจำต้องใช้วิธีให้แยบยลกว่านั้นคือเขียนขั้นตอนการล้างทำความสะอาดตู้แบบง่ายๆ ให้ภรรยาเขา แล้วเดี๋ยวคงส่งต่อให้กันเองแหละ

การล้างตู้แบบเกลี้ยงเกลา แทนที่จะเป็นเรื่องดีกลับกลายเป็นแย่สำหรับปลานะครับ เพราะคิดดูว่าปลาต้องถูกตักออกมาใส่ในถังแคบๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง บางทีเป็นวัน เพราะต้องรอให้น้ำใส กรวดก็เอาออกมาล้างทั้งที่ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย ซ้ำยังเอาไปตากแดดเสียอีก ส่วนตู้นั้น การยกไปยกมาเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเพราะโครงสร้างตู้ปลาจริงๆ แล้วมีเพียงกระจกกับกาวซิลิโคน เมื่อยกย้ายบ่อย น้ำหนักของตัวมันเองจะทำให้เกิดการโยกคลอน กาวซิลิโคนอาจอ่อนแรงยึดเกาะ นานเข้าก็เกิดการรั่วซึม หรืออุบัติเหตุที่เกิดจากการกระทบกระแทกก็มี ชนขอบประตูบ้าง วางแรงไปบ้าง และการเอาน้ำยาล้างจานหรือสบู่มาล้างตู้ปลาน่ะอันตรายสุดๆ น้ำยาจะเข้าไปฝังตัวตามซอกตู้ ซึ่งล้างออกหมดจดได้ยากลำบาก ไม่เหมือนจานที่โล่งเรียบไม่มีขอบ อย่างนี้ล้างง่าย พอเอามาเติมน้ำเลี้ยงปลาตามเดิม ปลาหลายอย่างเจอพิษน้ำยาล้างจานก็หงายท้องซี้แหงแก๋ แต่บางชนิดมันทนอยู่ได้เพราะมีความอึด แต่ก็คงไม่มีความสุขนักหรอกครับ

ล้างตู้เสร็จ ขนหินที่ตากแดดไว้มาจัดปูใหม่ ตกแต่งตู้ เติมน้ำ เสร็จแล้วก็ต้องรอให้น้ำใส บางคนอาจประเคนน้ำยาเร่งน้ำใสลงไปจนกลายเป็นสีฟ้าคราม แถมพกด้วยยาฆ่าคลอรีน มาลาไคท์กรีนฆ่าเชื้อโรคอีกสักปื้ด สาดเกลือตามอีกหนึ่งอุ้งมือมาร แค่คิดก็สยองแล้วครับ กว่าปลาจะได้ลงตู้บางทีก็เย็นย่ำ จากน้ำเก่ามาเจอน้ำใหม่ที่มีทั้งสารเคมีและคลอรีน (ที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตายหมด) เลยพานซึมเซาจับเจ่าลงไปนอนก้นตู้ กว่าจะคุ้นเรียกกำลังกลับมาได้ก็อีกวันสองวัน ตัวที่แย่หน่อยก็ตายไป เจ้าของใช้วิธีเรียกพลสำรองคือไปซื้อตัวใหม่จากร้านขายปลามาใส่แทนให้ครบจำนวน ไม่ต้องคิดมาก

ความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำทำความสะอาดตู้ปลา

1. ปิดระบบไฟฟ้าในตู้ทั้งหมดเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำ หลอดฟลูออเรสเซนต์ด้านบน ฯลฯ เพื่อความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องตักปลาออก

2. ใช้ฟองน้ำเช็ดกำจัดคราบบนกระจก ปล่อยทิ้งไว้สักสิบนาทีให้สิ่งสกปรกที่หลุดออกมาตกตะกอน

3. ใช้อุปกรณ์ดูดน้ำที่เรียกกันว่า "ไซฟอน" มีลักษณะเป็นสายยางยาวๆ ส่วนปลายเป็นกระบอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าสายยาง ยาวประมาณคืบหนึ่ง (มีขายตามร้านขายปลา) ลักน้ำออก ใช้ส่วนกระบอกกดลงไปตามบริเวณกรวด ไซฟอนจะดูดเอาสิ่งสกปรกที่ซุกซ่อนอยู่ในกรวดออกมาเห็นได้ชัด พอตรงนี้ใสก็ย้ายไปตรงโน้น สลับที่เรื่อยไปจนระดับน้ำในตู้ลดลงหรือถูกดูดออกไปราว 25-30% อย่าดูดน้ำออกมากกว่านี้ เพราะปลาจะช็อคน้ำที่เข้ามาใหม่ที่มีปริมาณมากกว่า 30%

4. ตรวจดูความเรียบร้อยในตู้ จะตกแต่งอะไรก็ทำเสียตอนนี้

5. เติมน้ำกลับ ให้ได้ระดับเดิม

6. เช็ดทำความสะอาดกระจกด้านนอกและตามพื้นบ้านที่อาจมีน้ำหก

เท่านี้แหละครับ เป็นอันเสร็จ ใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบนาที ตู้เล็กๆ อย่าง 24 นิ้ว ทำจริงๆ แค่สิบห้านาทีก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องเอาปลาออกมา ปลาก็ไม่ช้ำ น้ำก็ไม่ขุ่น เพราะหินไม่ได้ถูกกวน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/09/06, [12:21:15] โดย m @ y »
~ m @ y ~ ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #2 เมื่อ: 27/09/06, [11:54:39] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ให้อาหารเผื่อไว้ เวลาไม่อยู่บ้านหลายวัน
หลายคนคงคิดว่า เอาน่า...ก็เหมือนคนแหละ ให้ไปเยอะๆมันคงทยอยกินไปวันละนิดละหน่อย อยู่ได้สบายๆไม่น่ามีปัญหา แต่นี่คือความคิดที่ผิดครับ เพราะปลาไม่ฉลาดเหมือนคน ไม่รู้จักออมหนึ่งส่วนกินสามส่วน มีเท่าไหร่พวกฟาดลูกเดียว เอาจนกว่าจะอิ่มท้องปูดกลมดิก แต่ถึงอิ่มก็ยังจะกิน กินมันเข้าไปจนระบบทางเดินอาหารทำงานหนัก ร่างกายเรรวนอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันระส่ำระสาย เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ลำไส้ ท้องบวม เกล็ดพอง ตาโปน โรคร้ายแพร่สะพัดไปทั่วทั้งตู้ กลับมาถึงบ้านอีกทีได้กลิ่นคลุ้ง ปลาตายลอยอืดเต็มตู้ น้ำขุ่นคลั่ก

บางคนเลี้ยงปลากินเนื้อ พวกอะโรวาน่า ปลาชะโด ปลาอัลลิเกเตอร์ ฯลฯ ให้กินกุ้งฝอยบ้าง ลูกปลานิลบ้าง ซื้อมาเป็นขีดๆเทให้ปลาไล่งับจับกินทั้งเป็น เพื่อให้ได้อรรถรสของการชม เหยื่อเล็กๆ เหล่านี้หากมีมากแออัดเกินไป ก็จะสร้างความเสียหายให้กับน้ำในตู้ได้ไม่น้อยเลย ทั้งเรื่องของของเสียที่พวกมันขับถ่าย แล้วไหนจะยังเชื้อโรคซึ่งโดยมากมักเป็นกัน เพราะต้องไม่ลืมนะครับว่าปลาเหยื่อนั้น เขาไม่ได้เพาะเลี้ยงฟูมฟักเหมือนปลาเลี้ยงสวยงาม มันอยู่กันอย่างแออัดตั้งแต่เกิด กิน นอน ว่ายน้ำ เบียดเสียดยัดเยียดจนหาความสุขมิได้ สัตว์เหล่านี้เมื่อสภาพแวดล้อมย่ำแย่ถึงขนาดหนักก็ต้องเครียดจัดเป็นของธรรมดา เมื่อเครียดแล้วร่างกายย่อมขาดภูมิคุ้มกัน โรคร้ายก็จู่โจมประเดประดังเข้ามาอย่างง่ายดาย อย่างโรคจุดขาวนี่เจ้าประจำ เห็นบ่อยเลย

พอจะไม่อยู่บ้านหลายวันหน่อย เจ้าของปลาก็จะประเคนเหยื่อเป็นลงไปในตู้เยอะๆ จากที่เคยใส่หนึ่งขีดก็เพิ่มเป็นสองหรือสามขีด ปลาเห็นเข้าก็ดีใจเข้ามางับๆ เจ้าของอมยิ้มแล้วขับรถออกจากบ้านไปอย่างสบายใจไร้กังวล หารู้ไม่ว่าพอปลาของตัวอิ่มกับมื้อแรกนั้นแล้ว เจ้าเหยื่อที่เหลือซึ่งยังคงมีปริมาณอีกบานตะเกียงก็เริ่มปฏิบัติการเพย์แบ็ค ทั้งอึทั้งเมือกทั้งเชื้อโรคต่างๆ ปล่อยกันจนน้ำขุ่น วันแล้ววันเล่าเจ้านายไม่กลับมาเปลี่ยนน้ำ ปลาเจอสภาพแบบนี้เข้าไปก็เฉา ซึม ครีบลู่ว่ายน้ำไม่ออก ติดโรคจากเหยื่อจนอาการเข้าขั้นโคม่า สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อให้กับเหยื่อของตัวเองได้แทะแก้แค้นสมใจ

ความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับการให้อาหารปลา เวลาเราจะไม่อยู่บ้านหลายๆวัน ก็คือให้อาหารตามปกตินี่แหละครับ ไม่ต้องเผื่ออิ่มแค่ไหนเอาแค่นั้น เพียงแต่ขอให้สำรวจดูความเรียบร้อยของตู้ปลาทั้งภายในและภายนอกให้ดีก็แล้วกัน ตรวจสอบปลั๊กไฟ สายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ปั๊มน้ำ ปั๊มลม หากจุดไหนทำท่าว่าเสี่ยงเพราะเก่าหรือชำรุด กรุณาเปลี่ยนเสียใหม่ก่อนออกจากบ้าน ไม่งั้นท่านกลับมาอาจเห็นแต่ซากบ้านดำปึ้ดโด่เด่ อย่าเปิดไฟตู้ปลาทิ้งไว้ จัดหาวัสดุหลบซ่อนตัวลงไปให้มาก ถ้ามีต้นไม้น้ำเยอะก็เอาออกเสียบ้าง หรือเอาออกให้หมดหากจะไปหลายวัน ปลาเป็นสัตว์ที่อดอาหารได้นาน บางชนิดอดได้เป็นเดือนๆ (เน้นนะครับว่าแค่บางชนิด) กับการไม่อยู่บ้านสักสามสี่วันนั้นหมูมาก ไม่ต้องให้อาหารเผื่อไว้หรอก

อีกวิธีหนึ่งซึ่งนักเลี้ยงปลาที่พอมีสตางค์หน่อยนิยมทำกันคือ ใช้เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ เครื่องนี้มีคุณสมบัติดีหลายอย่าง คือตั้งเวลาการให้อาหารได้ กำหนดปริมาณอาหารต่อมื้อได้ ทำงานด้วยแบตเตอรี่ ก้อนเดียวใช้ได้นานหลายเดือน แต่ข้อเสียก็มีอยู่เหมือนกัน ที่เห็นชัดๆเลยคือใช้ได้เฉพาะปลาที่กินอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น อีกอย่างคือเรื่องของความชื้น เครื่องให้อาหารอัตโนมัติมักติดตั้งด้านบนของตู้ปลา เหนือผิวน้ำขึ้นมาเล็กน้อย โอกาสที่อาหารจะเกิดความชื้นเป็นไปได้มากหากไม่ป้องกันให้ดี เมื่อเกิดความชื้นมักตามมาด้วยเชื้อราในเวลาไม่นาน ควรหมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์เป็นประจำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนออกจากบ้านหลายวัน เพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งที่ติดตั้งไม่โดนความชื้น

เลี้ยงปลาแก้เคล็ด เสริมดวงชะตา ต่อบารมี
ผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าหากเราเชื่อเรื่องแบบนี้ก็ขอให้จงทำ เพื่อความสบายใจ แต่ถ้าไม่เชื่อก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่าได้ไปลบหลู่หัวเราะเยาะเย้ยคนเชื่อเด็ดขาด การเลี้ยงปลาเป็นสิ่งดีอยู่แล้ว เพราะได้มีทั้งน้ำและสิ่งมีชีวิตอันเป็นมงคล อย่างปลามาอยู่ภายในบ้านหรือที่ทำงาน ได้เห็นได้มองทุกวันย่อมเกิดสุขภาพจิตที่ดี ไม่ขุ่นข้องหมองมัว

แต่เรื่องหนึ่งซึ่งเห็นเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อได้ไปเยือนร้านขายปลาของมิตรสหาย ขอยกมาสักเหตุการณ์หนึ่งก็แล้วกัน
อาเจ้แต่งตัวหรู สร้อยทองคล้องระย้าเต็มคอน่าจี้ปล้นเป็นที่สุด เดินเข้ามาพร้อมลูกสาวคนสวย

"เถ้าแก่ มีปลาทองมั้ย" ตู้ปลาทองแทบทิ่มหน้าเจ้อยู่แล้ว แต่เผอิญแกไม่รู้จัก ดีที่ลูกสาวช่วยสะกิด เพื่อนผมผู้ถูกเรียกว่าเป็นเถ้าแก่ทั้งที่ยังไม่แก่ ก็ลุกจากวงสนทนาไปต้อนรับลูกค้า

"มีครับ อันนี้ตันโจ อันนี้ออแรนดาหัววุ้น อันนี้ริวกิ้น สิงห์ญี่ปุ่นก็มีนะครับ ไม่ทราบเจ้อยากได้แบบไหน"

"เอ...แบบไหนวะอาหมวย" แล้วสองแม่ลูกก็ยงโย่ยงหยกดูปลา พักหนึ่งก็เรียกเพื่อนผมออกไป

"เอาเก้าตัว ทองแปดดำหนึ่ง เลือกใหญ่ๆ หน่อย ลดให้ด้วย เอาราคาเท่าจตุจักรนะ"

เจ้าเพื่อนยิ้มแปล้ แหม! ขายได้ทีตั้งเก้าตัว ตัวหนึ่งว่ากันเป็นร้อยบาทเพราะตัวโต รีบคว้ากระป๋องน้ำกับกระชอนไปจ้วง ถือโอกาสทำเป็นวุ่นตักปลาเสแอบแนบชิดสาวหมวยไปด้วยในตัว ไม่กี่นาทีปลาทั้งเก้าก็ถูกนำใส่ถุงใบเบ้อเริ่มมาวางตรงหน้าอาเจ้ แกจ่ายสตางค์แล้วทำท่าจะหิ้วถุงปลาออกจากร้าน

"อ้อ! อาหารปลามีมั้ย เอามาห่อนึง"

เพื่อนผมรีบหยิบอาหารปลาอย่างดี ซึ่งเหมาะกับปลาทองอย่างยิ่งขึ้นมาพรีเซ้นต์ อาเจ้เห็นราคาก็ร้องฮ่วย เอ้ย! ฮ่อ บ่นอุบว่าแพง ขอเปลี่ยนเป็นอย่างถูกที่สุด ลูกสาวยืนอยู่ข้างหลังแม่ ทำหน้าแหยๆ สงสัยจะอาย

ก็ดูเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่กี่วันต่อมาหมวยคนสวยเดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง คราวนี้หน้าตาเซ็งๆ

"พี่ ปลาที่มี้ซื้อไปตายหมดเลยอะ มี้ให้มาซื้อไปลงใหม่"

เพื่อนผมหน้าตื่น อะไรหว่า เพิ่งจะเอาไปแค่สองสามวัน ปลาเราก็ประคบประหงมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เขาเริ่มชวนสาวน้อยคุยเพื่อหาสาเหตุของการตาย แล้วอาจเลยเถิดไปถึงชวนไปดูหนังด้วย

"หมอดูให้มี้เลี้ยงปลาทอง" เธอเล่า แล้วว่าปลาทองนั้นต้องมีสีทองจริงๆแปดตัว ส่วนอีกตัวหนึ่งต้องดำปิ๊ดปี๋ วันนั้นสองแม่ลูกได้ไปก็ตรงตามตำรามัจฉาลักษณ์ทุกอย่าง

"เลี้ยงในอ่างหรือตู้ครับ"

"ตู้ค่ะ ล้างใหม่เปลี่ยนน้ำจนใสเลยแหละ"

"ตู้ใหญ่มั้ยครับ"

สาวน้อยนิ่งคิด "ตอนซื้อมาที่ร้านบอกว่าตู้ขนาดหกสิบอะค่ะ"

"อ้อ! ก็ใหญ่นี่ ตั้งหกสิบนิ้ว" เพื่อนผงกหัวทำหน้าเหมือนผู้ทรงคุณวุฒิ แต่สาวน้อยสั่นหัวดิก

"ไม่ใช่นิ้ว เซนต์ค่ะ หกสิบเซนต์"

เพื่อนผมทำหน้าเป็นปลาทองหัวสิงห์ คือหน้ายุ่ง ๆ หลับตาปี๋ แล้วรีบอธิบายให้หมวยคนสวยฟังว่าถ้าตู้เล็กขนาดนี้ต่อให้เธอซื้อปลาไปอีกกี่ชุดก็ตายเรียบ

ปลาทองนั้นเป็นปลาที่ถือว่าใหญ่ ต้องการพื้นที่ว่ายน้ำมาก ไม่จำเป็นต้องมากเท่าปลาคาร์พ แต่ก็ให้มีพอสมควร ไม่แออัดยัดเยียดจนเกินไป เพราะปลาจะเครียด โดยเฉพาะการที่เลี้ยงถึงเก้าตัว ซึ่งแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่พอควรแล้ว เมื่อปลาอยู่ในตู้แคบๆ ว่ายเบียดกันไปมา ไม่นานก็จะเริ่มอ่อนแอ อาหารที่กินไปแล้วขับถ่ายออกมาก็เริ่มเน่าเสียอย่างรวดเร็ว คุณภาพน้ำเสื่อมลงภายในไม่กี่วัน ปลาเริ่มติดโรค และแน่นอนว่าต้องลุกลามติดต่อกันทุกตัว แล้วหากคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงปลาก็ยิ่งดูไม่ออกว่ามันเป็นโรคแบบไหน เมื่อปลาเป็นโรคไม่ว่าจะจุดขาว เปื่อย หรือติดเชื้อแบคทีเรีย ปล่อยทิ้งไว้แค่ไม่กี่วันก็ตายแล้ว ไม่อึดเหมือนสัตว์ใหญ่หรือคนหรอก

บางคนเลี้ยงปลาเพราะได้รับคำแนะนำมาว่า เลี้ยงตามนี้แล้วจะทำให้โชคดีร่ำรวย อะไรต่างๆนานา ตรงนี้ไม่ผิดครับ แต่อาจผิดอยู่ที่ว่าก่อนจะเลี้ยงไม่ศึกษาหาความรู้ในวิธีการเลี้ยงไว้ก่อน ไม่ต้องไปลงทะเบียนเรียนที่ไหนไกล ก็ร้านขายปลานั่นแหละถามเข้าไป ส่วนใหญ่แล้วรู้กันทั้งนั้น เพราะปลาทองเป็นปลาเลี้ยงง่ายอยู่แล้ว กรณีอาเจ้กับลูกสาวคือเลี้ยงตามใบสั่งซินแส ซึ่งผม (กับเพื่อน) เห็นว่าเป็นคำแนะนำที่ดีเพราะการเลี้ยงปลาทำให้มีน้ำเย็นๆอยู่ในบ้าน ชีวิตก็ร่มเย็นเป็นสุข เลี้ยงปลาทอง (บ้างก็เรียกปลาเงินปลาทอง) ซึ่งถือกันว่าเป็นปลามงคล ก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีว่ามีเงินมีทองลอยไปมา ทองก้อนเสียด้วย เพราะตัวอ้วนๆ หากคิดกันตามหลักจิตวิทยาย่อมทำให้สุขภาพจิต ของเจ้าของบ้านดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ซินแสน่าจะแนะนำต่ออีกหน่อยว่าก่อนลื้อจะเลี้ยงลื้อต้องไปศึกษาวิธีการเลี้ยงจากร้านมันดูก่อน เพราะเลี้ยงไม่ถูกต้องเอามาแล้วตายหมด แทนที่จะสบายใจกลับมีแต่ทุกข์ เพราะเห็นความตายลอยเท้งเต้ง

ความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับการเลี้ยงปลาแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าสอบถามหาข้อมูลจากคนขายปลา ให้รู้แน่เสียก่อนค่อยตัดสินใจซื้อ หากมีตู้ขนาดหกสิบเซนต์ (ไม่ใช่หกสิบนิ้ว) ก็เปลี่ยนไปเลี้ยงปลาไซซ์เล็กแทน แล้วพอเริ่มโตขึ้นมาค่อยเปลี่ยนตู้หรือจะโอนย้ายถ่ายเท ยกให้ใครเขาก็ว่ากันอีกที แน่นอนว่าปลาตัวใหญ่ย่อมสวยกว่า แต่เอาไปยัดลงในที่แคบๆ ไม่กี่วันมันก็หมดสวยแล้ว แถมยังเรื่องของอาหาร ไหนๆจะเลี้ยงเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วก็อย่าไปเสียดายเงินที่ต้องเพิ่มอีกเล็กๆน้อยๆเลยครับ ซื้ออาหารที่เหมาะสมกับชนิดปลาที่เลี้ยง นอกจากปลาจะได้กินอร่อยมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนแล้ว เรายังจะได้ความสุขสบายใจเมื่อเลี้ยงเจ้าอ้วนปุกลุกได้มีความสุขเช่นกัน เมื่อความสุขใจเกิดขึ้น โชคลาภอะไรต่อมิอะไรก็คงตามมาเองในไม่ช้า

"ปลาตัวเล็กอย่างนี้มี้ต้องบ่นแน่เลย" สาวน้อยตัดพ้อ แต่ก็ทำไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้สึกดีเมื่อได้รับความรู้ไปจากเจ้าเพื่อนผม

"ถ้ายังไง หากมีปัญหาอีกก็มาถามได้นะครับ"

"โห! บ้านอยู่ไกลอะค่ะ ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ละกัน ได้มั้ยคะ"

"อ๋อ! ได้ซีครับ นี่ครับนามบัตร แล้วอ่า...ไม่ทราบว่าคุณพอจะให้เบอร์ของคุณไว้ได้ไหม เผื่อว่าผมจะโทร.ไปนัด เอ้ย! ถามความเป็นอยู่ของเจ้าปลาเหล่านี้"

สาวสวยยิ้มเอียงอาย ก่อนบอกหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองให้เพื่อนผม หลังจากนี้เหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการจีบกันไปกันมาตามประสาหนุ่มสาว ซึ่งเพื่อนผมมันไม่ค่อยยอมเล่าให้ฟังเท่าไหร่แล้วล่ะครับ

พิชิต ไทยยืนวงษ์
เทคโนโลยี่ชาวบ้าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/09/06, [12:14:41] โดย m @ y »
pize ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #3 เมื่อ: 05/08/08, [01:11:20] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 lau01ได้ความรู้เยอะเลยครับ


ส่วนเรื่องอาเจ้เนี่ย สนุกมากเลยอ่ะ

 [เจ๋ง]
lamune007 ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #4 เมื่อ: 05/08/08, [15:11:21] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [เจ๋ง] สุดยอดครับ
sOdiams ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #5 เมื่อ: 06/08/08, [13:25:40] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 fire1 อ่านไม่จบไว้มาอ่านใหม่นะครับ แน่นจริงๆ
paddlebell ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #6 เมื่อ: 06/08/08, [23:09:31] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สนุกดีคะ
 [เย้ะ]
na_no ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #7 เมื่อ: 07/08/08, [14:33:32] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [ปิ๊งๆๆ] [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]
ท็อปสิโน่ ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #8 เมื่อ: 19/08/08, [07:15:01] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมชอบบทความจากประสบการณ์จริงแบบนี้แฮะ ฮาดี [กรี๊ดดดด] [กรี๊ดดดด]
noonum ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #9 เมื่อ: 24/08/08, [16:01:34] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

  [ไอ้แว่น] อ่านมาทั้งหมด ผมว่าแจ่มตอนท้ายพี่

"อ๋อ! ได้ซีครับ นี่ครับนามบัตร แล้วอ่า...ไม่ทราบว่าคุณพอจะให้เบอร์ของคุณไว้ได้ไหม เผื่อว่าผมจะโทร.ไปนัด เอ้ย! ถามความเป็นอยู่ของเจ้าปลาเหล่านี้"

 xxx2 เผื่อเอาไปใช้บ้าง ๆ  xxx2
teee3122 ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #10 เมื่อ: 04/09/08, [00:36:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สนุกเพลิดเพลิน ยังกะอ่านนิยาย... [ไอ้แว่น] [เจ๋ง]
มัช
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: 16/09/08, [22:03:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณนะค่ะ ได้อะไรเพิ่มมากขึ้น เพราะพฤหัสนี้กะลังจะไปตลาดปลาส่งครั้งแรกค่ะ ตื่นเต้นจัง...
Noum ME 34 (Aqua Office) ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #12 เมื่อ: 17/09/08, [13:30:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [ปิ๊งๆๆ]
XDDD ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #13 เมื่อ: 22/09/08, [23:56:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สุดยอดกับความรู้  แต่ อยากได้เบอร์โทรฯ ของหมวย เหมือนกัลย์คร๊าบ
moobig ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #14 เมื่อ: 28/02/13, [01:11:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ที่ไหนอ่ะ ครับ เจเจ เปล่า
Longhairguy ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #15 เมื่อ: 28/02/13, [01:56:35] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ที่ไหนอ่ะ ครับ เจเจ เปล่า

แถวๆคีรีมันเจโร
nine.ning ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #16 เมื่อ: 28/02/13, [11:57:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

parasall ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #17 เมื่อ: 01/03/13, [16:49:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แน่นจริงอะไรจริง
จอมใจไร้รัก ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #18 เมื่อ: 01/03/13, [20:46:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [เจ๋ง]
~pHeT~เพชร~ ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #19 เมื่อ: 22/03/13, [13:45:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

พิมเก่งมากเลยครับ สุดยอด [กู้ดครับ!]
isarachon ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #20 เมื่อ: 15/04/13, [21:34:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แหม่ เหมือนได้อ่านนางนวลเลย 55   สุดยอดครับ
+Panda+ ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #21 เมื่อ: 11/09/13, [20:04:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

มาตั้งใจอ่านตอนจีบอาหมวย 55555 lau02
ANaRiElZ ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #22 เมื่อ: 23/11/13, [17:23:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

555 ้hahaha ชอบอะ
Jangch ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #23 เมื่อ: 26/01/15, [16:38:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ได้ความรู้เยอะเลย  อาทิตย์ที่แล้วไปต่างจังหวัดก็ให้เผื่อไว้แบบนี้แหละ.  กลับมาตายไปสองศพ
ch.thinnaphan ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #24 เมื่อ: 17/10/15, [20:19:25] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณครับ อ่านสนุกได้ความรู้ครับ
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: