เอ้า...นั่งๆๆ
พัดลมเนี่ย มันมีแบ่งได้หลักๆ 3 แบบนะเอ็ง (ไอ้คนที่กะลังจะยกมือบอกว่ามันมีมากกว่านี้เอ็งนั่งเลย สต๊อปปุ! ข้ารู้น่ะ แต่เค้าไม่ค่อยใช้กัน ข้าเลยว่าจะข้ามๆไป ฉะนั้นเอ็งรอข้าจบก่อนค่อยเสริม)
ต่อๆ มันแบ่งได้ 3 แบบหลักๆตามการโฟลววววววึ! หรือการไหลของอากาศนั่นเอง หรือจะเรียกว่าตามการหมุนของแกน shaft ก็เอาเหอะ
ยกยอดของเก่ามากิน ขี้คร้านจะพิมพ์
1. Axial fan พัดลมบ้านทั่วไป
2. Centrifugal fan ที่เราชอบเรียกว่า Blower
3. Tangential fan เรียกกันทั่วไปว่า Crossflow fan ที่คล้ายๆกรงกระรอก
ถ้าดูตามรูปนี้จะเข้าใจได้ง่ายว่ามันต่างกันยังไง2. Centrifugal fan ที่เราชอบเรียกว่า Blower
3. Tangential fan เรียกกันทั่วไปว่า Crossflow fan ที่คล้ายๆกรงกระรอก

ถ้าหลังจากดูรูปนี้แล้วยังไม่เก็ต ปิดหน้านี้เลยเอ็ง ที่เหลือเอ็งไม่รอดแล้วล่ะ (จริงๆนะเว่ย ไม่ได้ขู่ asspain)
1. Axial fan พัดลมบ้านทั่วไป ที่เป็นใบๆหมุนติ้วๆนั่นแหละ ข้อดีคือ...มันเบสิคดีมั้ง แต่มันไม่มีข้อเสียไง นั่นแหละ ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เค้านิยมใช้แบบนี้กันก็ละกัน
ไอ้แบบนี้มันก็จะมีการหล่อลื่นอยู่สองแบบ คือ
- sleeve bearing สลีฟแบริ่ง หรือแถวบ้านเรียก "บูท"
- combined bearing (one sleeve bearing - one ball bearing) ใช้ผสมกันสองอย่าง
- two ball bearings แบบมันจะมีสองอันหัวท้ายไง อันนี้คือแบบใช้ลูกปืนทั้งหัวท้ายเลย

เนี่ย แบบเม็ดๆในรูปอันซ้าย สีทองแดงๆน่ะแหละ บูท อันขวานั่นฝาปิด
สลีฟเสียงเงียบกริบ และราคาถูก ใช้ในพวกพัดลมคอมถูกๆเกือบ 99%
ลูกปืนแพงกว่า เสียงดังกว่า และทนกว่า ข้อดีอีกอย่างของแบบลูกปืนคือแม้จารบีหมด น้ำมันแห้ง มันก็ยังหน้าด้านหมุนต่อไปได้ แค่เสียงดังแคร่กๆๆใกล้ตาย แต่ถ้าแบบบูทมันจะร้อน ไหม้ และหยุดหมุนเลย
แต่ไม่ใช่ว่าแบบบูทมันจะไม่ทนนะ หลายตัวที่บ้านเปิดทั้งวันทั้งคืนมา 6-7 ปีแล้ว นอกจากหยุดหยอดน้ำมันปีละครั้งก็ไม่เคยทำอะไรกับมันเลย แต่ลูกปืนมันทนยิ่งกว่า
แถมวิธีหยอดน้ำมันบูท ควรจะทำทุกปี หรือครึ่งปี โดยประมาณ หรือทำเมื่อมันเริ่มไม่อยากจะหมุน



ก็ไม่มีอะไรมาก ลอกสติ๊กเกอร์ออก ระวังอย่าให้ขาดก็จะดี เพราะเดี๋ยวนานไปจะไม่รู้ข้อมูลพัดลม
แงะฝายางออก เอาคัทเตอร์หรืออะไรแหลมๆแซะๆแงะๆเข้าไปตรงขอบเดี๋ยวก็ออก
แล้วก็หยอดน้ำมัน ก็น้ำมันหล่อลื่นทั่วไป น้ำมันเครื่องรถยนต์ก็ได้ น้ำมันออโต้ลูปมอไซต์ก็ได้ โซแน็คก็ได้ (น้ำมันหมู น้ำมันพืช และเควายเจลยังไม่เคยลอง แต่ก็คิดว่าน่าจะใช้ได้ ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องกลิ่น)
พอและ ไม่สำคัญมาก เล่าพอเป็นความรู้ติดติ่ง
2. Centrifugal fan ที่เราชอบเรียกว่า Blower
หลักการเลยคือมันจะดูลมเข้าทางด้านข้าง แล้วเป่าออกด้านหน้า ให้แรงลมดี แต่พื้นที่เป่าแคบ เลยมักใช้กับงานที่ต้องการกำลังลมสูงๆ ในพื้นที่แคบๆ หรือไม่จำเป็นต้องกว้าง เช่น ที่ดูดควันในครัว หลายที่ก็ใช้แบบนี้ หรืออัดลมเข้าพวกเตาเผา ก็ใช้แบบนี้แหละ เป็นแบบที่เป่าตู้ปลาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะหน้าแคบ วางเหลี่ยมยาก แต่ก็ใช้ได้ดีถ้าตัวใหญ่ๆสักหน่อย ผมก็ใช้อยู่ตัวนึง
3. Tangential fan เรียกกันทั่วไปว่า Crossflow fan ที่คล้ายๆกรงกระรอก
ต่างกับโบลวเวอร์นะ มันจะดูดลมด้านข้างๆกับที่ลมออก ดูในรูปข้างบนเด่ะ ที่ใช้กันมากที่สุดก็คือในพัดลมแอร์ตามบ้านเรานี่แหละ ดูดด้านหน้า ออกข้างล่าง นึกออกมั้ย
ข้อดีมากๆของพัดลมแบบนี้คือ หน้ามันกว้างมวากกกกกกก เลยเหมาะกับการเป่าตู้ปลาโคตรๆ แต่จะไม่ได้ช่วงสูง คือมันกว้างแต่แบนๆ เลยไม่เหมาะกับการเป่าตัวคนเหมือนแบบ Axial fan หรือพัดลมบ้านทั่วไป ยกเว้นว่าเอ็งนอนอยู่ ถือว่าอนุโลมให้เสมอกัน 1-1 เจ้าบ้านได้ทุ่ม
ข้อเสียที่น่าจะมีของมันคือ แพงนิดนี๊ดดดดส์ อันนี้แล้วแต่คนนะเอ็ง สำหรับข้าอันนึง 300-500 แม่ง กระจอกว่ะ
อีกอย่างคือมันติดแล้วเด่นเป็นสง้า มวากกกกกก! ขนาดที่ว่าอยากจะยกตู้ไม่มีคานกลับไปติดคานให้รู้แล้วรู้แรดกันไป อุตส่าสั่งตู้ไร้ขอบไร้คาน ดั๊นเจอพัดลมมาบดบัง
คือไอ้แบบธรรมดา พัดลมคอม มันยังพอแอบๆได้สวยงามหน่อยไง แบบทำตัวหนีบหรืออะไรก็ว่าไป แต่ไอ้แบบนี้มันซ่อนให้สวยงามได้ยาก
เพราะส่วนใหญ่มันจะมาจากการแงะเครื่องจักรเก่า หรืออะไหล่เครื่องจักรอะไรซักอย่าง สภาพมันก็เลยเหล็กๆ สนิมๆนิดนึง ถ้าเก่าพอ
ใครว่างๆก็ตั้งไลน์ผลิตแบบสวยๆงามๆ เอามาขายให้ทีเถอะ
ทีนี้มาถึงการต่อไฟให้พัดลม จริงๆมันก็ง่ายมากๆเลยอ่ะนะเอ็ง แค่เอ็งต้องอ่านภาษาปะกิตออกบ้างเท่านั้นแหละ
V = โวลท์ เอาที่มันเท่ากัน ทั้งตัวพัดลมและตัวหม้อแปลง ย้ำ ต้องเท่ากัน ยกเว้นว่าจะลดรอบพัดลมแบบง่ายๆ ก็ใช้การลดโวลท์เอา เช่นพัดลม 12v เอามาต่อหม้อแปลง 6v มันก็จะมีกำลังเหลือแค่ครึ่งเดียว เอาไว้ใช้กับพวกพัดลมหมาบ้า ไม่รู้จะแรงไปไหน หรือพัดลมในห้องนอน แต่ระวัง กำลังการหมุนมันจะลดลงด้วย ระวังมันจะแอบหยุดหมุนตอนเผลอ พัดลมถ้าหยุดหมุนทั้งๆที่ไฟมา มันจะร้อน และไหม้ได้
A = แอมป์ มันคือแรงดัน หรืออะไรนี่แหละ ไม่ต้องสนใจหรอก สนแค่ว่า อย่าให้แอมป์พัดลม เท่ากับหรือมากกว่าแอมป์หม้อแปลง
คิดซะว่ามันคือค่า mp ในเกมภาษาก็ละกัน
แอมป์ที่พัดลมคือค่าพลังที่พัดลมตัวนั้นต้องการ
ส่วนแอมป์ที่หม้อแปลงคือค่า mp สูงสุด หรือ max mp
ถ้าแอมป์หม้อแปลงไม่พอ ก็ปล่อยท่าไม่ได้ ตายห่า ประมาณนั้นแหละ
ในความเป็นจริงคือ หม้อแปลงอาจร้อนจนไหม้และพัง หรือซวยๆก็ระเบิด ไฟไหม้ แบบที่คนเก่าแก่คนหนึ่งของเว็บเพิ่งโดนไปเมื่อไม่นาน
W = คือ.... อะไรวะ คือผลของ V*A คือกำลังไฟที่ใช้จริง เออ...ไม่รู้ ลืม ไปหาอ่านพวกไฟฟ้าเบื้องต้นเอาเองละกัน แต่ถ้าเอา โวลท์มาคูณแอมป์ ก็จะได้กำลังวัตต์ ที่อุปกรณ์ตัวนั้นๆกิน
ถึงเวลาคิดเลขแล้ว (ถ้าผิดทักด้วยนะ แอดมินท่องสูตรคูณไม่จบ (ไม่จบจริงๆ ไม่ได้อำเอาฮา))
สมมุติว่า พัดลมคอม 1 ตัว ที่ฉลากเขียนว่า ใช้ไฟ 12V 0.1A
ถามว่า พัดลมตัวนี้ใช้ไฟกี่วัตต์ เอิ้วววว
1.2w ไง (12*0.1=1.2)
ถ้ารู้แค่วัตต์ จะเอาไปหา A ก็เอาหารกลับซะ 1.2/12=0.1
ง่ายโจ้ดๆ!!! รู้แค่นี้ก็เอามาทำเว็บไม้น้ำลวงโลกหลอกเขากินได้แว้ว ้hahaha

ดูตัวอย่างฉลาก บางตัวก็จะบอก W มาเลย บางตัวก็บอกแค่ A บางตัวบอกแค่ W เราก็เอาสูตรรูเตี๋ยวข้างต้นนี่แหละ มาหาค่าต่างๆที่เราต้องการ
ถ้าไม่บอก V ก็ซวยไป (จริงๆมันต้องบอก) อาจจะด้วยฉลากหายหรืออะไรก็แล้วแต่ มีวิธีดูง่ายๆ บ้านๆ แต่ข้ามเถอะ ขี้เกียจพิมพ์ ใครอยากรู้บอกละกัน จะพยายามพิมพ์ให้ทีหลัง
ถึงไหนละ อ้อ ดู A ที่หม้อแปลงนะ
สมมุติว่ามันเป็นหม้อแปลงกากๆ ตลาดนัดทั่วไป จะจ่ายไฟได้ประมาณ 500mA หรือ ครึ่งแอมป์ หรือ 0.5A
สมมุติอีกที เรามีพัดลมใหญ่หน่อย ขนาด 0.3A แบบนี้ก็ต่อได้แค่ตัวเดียว หรือไม่ควรต่อ เพราะหม้อแปลงจีนๆทั่วไป มักจะจ่ายไฟจริงได้ไม่เต็ม 100%
ให้เราหารค่าความจีนออกซะ 30% คือหม้อแปลง 500mA ตัวนี้ น่าจะจ่ายไฟได้จริงแค่ 350mA ซึ่งใกล้กับไฟที่พัดลมต้องการคือ 300mA มากเกินไป เสี่ยงหม้อแปลงร้อนและไหม้ ซึ่งไม่ควรเสี่ยงอย่างที่สุด! เพราะมันอาจจะหมายถึงไฟไหม้บ้านได้เลย เผื่อไว้ 1 เท่าเลย เซฟๆ
สมมุติตัวอย่างที่ 2 หม้อแปลงตัวเดิม จ่ายไฟได้ประมาณ 500mA หรือ ครึ่งแอมป์ หรือ 0.5A
ใช้พัดลม Sunon ตัวบนในรูปข้างบนนั่น 0.36A เราใช้พัดลมแบบนี้มาต่อได้กี่ตัวเอ่ย?
ในนั้นบอกว่า 12V ~ 2.4W ไม่บอกแอมป์ เราก็เอา 2.4/12=0.2A หรือ 200mA น่ะเอง
แบบไม่เซฟก็คือ ใช้ได้ 2 ตัว คือ 400mA แบบเซฟๆคือตัวเดียวอีกแล้ว ้hahaha หม้อแปลงก๊ากกวากกกกกกกกกก
ฉะนั้นควรซื้อหม้อแปลง 1A ขึ้นไปเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน
แหล่งจ่ายไฟ
ที่ใช้ๆกันก็มี 4 แบบ
1. ไฟบ้าน 220V
2. หม้อแปลงขดลวด
3. หม้อแปลงอิเล็กทรอนิกส์
4. เพาเวอร์ซัพพลาย หรือ psu ของ pc
ไอ้ 3 แบบหลังนี่จริงๆมันก็คล้ายกันมากแหละ มันคือการเอาไฟกระแสสลับ มาแปลงเป็นไฟกระแสตรง 12-24v โดยประมาณ
แต่การแปลงมันก็ทำได้ทั้งด้วยขดลวด วนๆพันๆ หรือสมัยใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็มีแบบวงจรไฟฟ้าเข้ามาช่วยให้ได้ไฟที่สเถียรขึ้น ดีขึ้น น้ำหนักเบาลง
psu มันก็คือหม้อแปลงแบบแอดว๊านซ์ขึ้นมาหน่อยนั่นแหละ คือจ่ายไฟได้ทั้ง 5V และ 12V ในตัวเดียว มีพัดลมระบายความร้อนแถมมา
ซึ่งในนั้นส่วนมากมันก็มีขดลวดด้วยนั่นแหละ เลยบอกว่ามันก็คล้ายๆกัน
ไฟบ้านข้ามเลยนะ เพราะรู้ๆกันดีอยู่แล้ว
หม้อแปลงขดลวด

ก็ตามชื่อ ใช้ขดลวดในการแปลงไฟ ข้อดีคือทนมือทนตีน ทำง่าย ดูแลง่าย ตามเสาไฟฟ้าที่ชอบระเบิดๆนั่นก็แบบขดลวด
แบบเนี้ย

ข้อเสียคือมันหนัก ใหญ่ เกะกะ และไฟไม่นิ่ง ไม่นุ่ม ซึ่ง พัดลมไม่สน! ฉะนั้น เอ็งก็ไม่ต้องสน!

ฉลากที่หม้อแปลงก็จะประมาณนี้แหละ คือบอกไฟขาเข้า ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่ 220V กับ 110V เท่านั้นแหละ บางตัวก็จะเสียบได้ทั้ง 110 และ 220 เลย มันสำส่อน
แล้วก็จะบอกไฟขาออก หรือไฟที่มันจ่ายออก หรือ out put นั่นเอง ก็จะบอก V และ max A หรือแอมป์สูงสุดที่จ่ายได้ ของตัวในรูปคือ 150mA
หม้อแปลงแบบนี้ดูง่ายๆ ยิ่งหนักๆ จะยิ่งจ่ายไฟได้เยอะ พวก 5A นี่ประมาณสองโลได้
หม้อแปลงอิเล็กฯและ PSU


ข้างในแบบอิเล็กมันก็แบบข้างบนนี่แหละ วงจรๆเยอะๆ
ข้างล่างนี่ PSU หรือ Power Supply Unit


เล่ารวมๆไปเลยละกัน มันคล้ายกันมาก
ข้อดีคือจ่ายไฟเรียบ สม่ำเสมอ แน่นอน เลยมักจะใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟให้พวกโน๊ตบุ๊ค มือถือ
สามารถจ่ายไฟได้มากในราคาไม่แพง ตัวถูกๆจ่ายไฟได้หลายสิบแอมป์ ในราคาไม่กี่ร้อย
แต่ถ้าเป็นขดลวดทองแดง จะตกแอมป์ละ 100 บาท
และ น้ำหนักเบากว่า ขนาดเล็กกว่าแบบขดลวดมากนัก
ซึ่งจริงๆแล้วพวกนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานกับพัดลมเท่าไหร่ เพราะต้องเปิด 24 ช.ม.ซะส่วนมาก คือที่ทนๆมันก็มี แต่มันแพงไง
ยกเว้นว่ามีอยู่แล้ว เช่น PSU เหลือจากคอมเก่า อะไรงี้ ก็เอามาใช้โลด
หรือต้องการต่อพัดลมหลายๆตัว แบบว่า 20ตัว+
ถ้าต้องซื้อก็ซื้อแบบขดลวดเถอะ ใช้ง่ายไม่ค่อยมีงอแงดี
อย่าลืม เอาตัวหนักๆ
อ้อ จะใช้ PSU หรือหม้อแปลงอิเล็กฯ ก็ไม่ได้ประหยัดไฟกว่าหม้อแปลงขดลวดนะครับก็ต้องดูเป็นตัวๆ บางตัวอาจจะมีอัตราไฟที่เสียไปเปล่าๆน้อยกว่า (หม้อแปลงไฟทุกชนิด จะเสียไฟส่วนนึงไปเปล่าๆปลี้ๆ คล้ายๆโดนค่าน้ำตอนแทงบอล) ก็อาจจะประหยัดกว่า แต่ส่วนต่างมันน้อยซะจนไม่ต้องสนเลย สิ้นเดือนมาต่างกันไม่ถึงห้าบาทหรอก
สำหรับคนที่สงสัยว่าพัดลมกินไฟมั้ย ก็ดู W เป็นหลัก เอาไปคำนวณตามเว็บคิดค่าไฟได้ แต่ส่วนมากพัดลมที่ใช้กัน ตัวใหญ่ๆก็ 15W เอ้า มันยังไม่เท่าหลอดฟลูยาวหลอดนึงเล้ย ค่าไฟเดือนนึง 20-30 อย่าไปคิดมาก (ไอ้พวกบ้าพลังใช้พัดลมเป่าควายปลิวก็อย่าไปเอาอย่างมัน ปล่อยมันไป)
ต่อพรุ่งนี้ หมดพลัง -*-