วัสดุรองพื้นตู้ มีให้เลือกใช้เยอะแยะ เลือกให้เหมาะ เลือกให้ชอบ ในสไตล์ใครสไตล์มันนะครับ
เริ่มที่วัสดุปลูกชนิดอ่อน นั่นคือ ดิน ดินที่ใช้กันอยู่ มีทั้งดินปลูกต้นไม้ ดินเลี้ยงปลา เลือกใช้ให้เหมาะสม เนื่องจากถ้าจะเน้นปลา ไม่เน้นต้นไม้ ก็ใช้ของ GEX จะดีกว่าครับ หรือ ADA พวก มาลายา อัฟริกาน่า เพราะไม่มีแร่ธาตุเหมือน ADA ตระกูล เอมซอนเนีย แต่ถ้าเป็นดินเก่า ใช้มานานก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะตั้งตู้ใหม่ไม่แนะนำ ADA ในตระกูลอเมซอนเนีย ครับ คือแร่ธาตุพวกนั้น มันจำเป็นกับต้นไม้ซะมากกว่า อย่างของ GEX นี่ ถ้าเน้นใส ก็ใช้ถุงเขียว หรือแดง ถ้าแดงจะแพงกว่า เพราะเม็ดเล็กกว่า แต่ผมเคยใช้ถุงแดง pH ลดนะ และตอนนี้ ก็มีดินเลี้ยงปลาโดยเฉพาะ ของ GEX เป็นถุงสีเขียวอ่อน เม็ดดินสีเนื้อ ผมใช้อยู่ ขอดีคือเหมาะกับการเลี้ยงปลา เหมาะยังไงไม่รู้ แต่มันเป็นดินเลี้ยงปลา มันเลยต้องเหมาะ หน้าตาแบบนี้

ส่วนนี่เป็นดิน ADA เก่าครับ

โดยรวมของดินก็จะให้ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันหมด แตกต่างกันก็ตรงที่สี ถ้าอยากให้ปลาขับสีเข้มๆ ก็ใช้ดินที่สีเข้มครับ ดินหลายๆชนิด พี่น้องในบอร์ดส่วนใหญ่คงรู้จักกันดีไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก
ข้อดีคือ สวย น้ำหนักเบา ดูดซับสี/ฝุ่น ทำให้น้ำใสง่าย ข้อเสียคือ ราคาสูง อายุการใช้งานน้อย ดินบางชนิด นานๆไป ร่วนเป็นผง ทำความสะอาดยาก ในการดูดน้ำออก อาจติดดินออกไปได้โดยง่าย
ต่อมาเป็นวัสดุปลูก ชนิดแข็ง จำพวก หิน กรวด ทราย เริ่มที่กรวดนะครับ กรวดก็ใช้เลี้ยงปลาได้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมใช้อยู่ น้ำก็ใสนะทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับระบบบำบัดน้ำที่ใช้อยู่ด้วย เรื่องค่า pH นั้น คงไม่ต่ำ แต่ถ้าเป็นตู้ไม้น้ำที่เลี้ยงมานานๆ ตู้กรวดนี่จะมี pH ที่ต่ำได้ครับ ใช้เลี้ยงปลาแล้วก็ดูสวยนะ ไม่ขัดตา ดูเป็นธรรมชาติดีทีเดียว แต่สีอาจจะอ่อนไปซักหน่อย สีปลาเลยไม่ค่อยจะเข้ม

ข้อดี ราคาถูก ทำความสะอาดง่าย ไม่คลุ้ง ข้อเสีย ไม่สามารถเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียได้มากพอที่จะช่วยบำบัดน้ำ จึงจำเป็นต้องใช้ อุปกรณ์บำบัดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปรกติ
หิน ปัจจุบัน มีเข้ามาให้เลือกใช้หลายตัว แต่ที่จะแนะนำให้ชาวหมอแคระใช้ มีอยู่ 2 ชนิด (ที่ผมเคยใช้นะ) ตัวแรก เพียวแบล็ค ของ GEX ตัวนี้ พี่ไก่แนะนำมาอีกที พอได้ลองก็รู้สึกว่าใช้ง่าย ทำความสะอาดง่าย น้ำใส เพราะมีรูพรุน ทำให้เป็นที่อยู่ของแบคทีเรีย คอยย่อยสลายของเสียในน้ำ ช่วยลดภาระของระบบกรองได้เยอะ แต่จากที่ตาเปล่ามองเห็นคือ ผมเองไม่ค่อยเห็นรูพรุนนะ ดูมันเรียบๆด้วยซ้ำ แต่เค้าว่ามาว่ามันพรุน แต่เรื่องใสนี่ ใสแน่ๆ


ข้อดี ทำความสะอาดง่าย ส่วยให้น้ำใส ยืดระยะการเปลี่ยนน้ำให้นานขึ้นสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ข้อเสีย แน่นอนเลย ราคาสูง ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ต่อมา เป็นหินอีกตัว อันนี้ของใหม่ ผมก็อาสาเป็นหนูลองดีละกัน จากตาเปล่าที่ดู บอกได้เลยว่าพรุน และหนัก จากห่อ เป็นรูปปลาคาร์ดินัล ก็น่าจะเป็นวัสดุที่เหมาะแก่การเลี้ยงปลาโดยเฉพาะ และยังเป็นปลาที่มาจากแหล่งเดียวกับหมอแคระอีก เลยตัดสินใจเอามาลองซะหน่อย ใช้มาได้ 1 อาทิตย์ เรื่องน้ำใสนี่โอเคเลย แต่เรื่องอื่นคงต้องใช้เวลา แต่ส่วนตัวชอบกว่าเพียวแบล็ค เพราะดูเป็นธรรมชาติกว่า และผมเชื่อว่าน่าจะพรุนกว่าแน่ๆ จึงเหมาะเป็นที่อยู่ให้แบ็คทีเรีย เพราะฉะนั้น ก็ช่วยยืดเวลาการเปลี่ยนน้ำให้ยาวขึ้นอีก ปลาลงไปก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรนะครับ สีที่เข้มก็ช่วยให้ปลาสีดีขึ้น
ข้อดี น้ำใส รูพรุนสูง ดูเป็นธรรมชาติ เรื่องแร่ธาตุนี่ไม่แน่ใจครับ ข้อเสีย ราคาสูงยังคงเป็๋นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ ครับ




มาดูรูปเปรียบเทียบระหว่าง หิน 2 ชนิดนี้ครับ ซ้าย หินตัวใหม่ ขวาเป็น เพียวแบล็ค ครับ ( รูปผิดนะครับ เดี๋ยวจะถ่ายมาใหม่ ในรูปเป็นเพียวแบล็คทั้งคู่ครับ)

นี่คือหน้าตาถุง เผอิญซื้อมาใช้แล้วดันทิ้งถุงไปแล้ว เลยแสกนจากหนังสือให้ดู ดันเป็นขาวดำซะอีก ที่ผมใช้คือที่วงไว้ในรูปนะครับ

เอาละครับ เดี๋ยวจะหาข้อมูลพื้นฐานต่างๆมาเพิ่มอีกถ้ามีเวลา วันนี้เอาเรื่องวัสดุรองพื้นไปก่อนนะครับ เผื่อมือใหม่มาจะได้ไปถามเรื่องอื่น จะทำให้หมดสำหรับมือใหม่ครับ จะได้เริ่มต้นกันง่ายๆไปเลยครับ สวัสดีครับ