เมื่อสักสิบปีก่อน ผมเคยเล่นเกมทามากอตจิ เป็นเกมเลี้ยงสัตว์ในรูปแบบคล้ายเกมกด วิธีการเล่นคือมันจะมีไข่ให้เราหนึ่งฟอง พอเริ่มฟักก็เป็นว่าเริ่มต้นเกม ต้องคอยกดปุ่มให้อาหารตามความเหมาะสม ต้องเล่นกับมัน ต้องทำบ้าทำบออะไรก็ไม่รู้หลายอย่าง เกมนี้มีขนาดเล็กพอๆ กับนาฬิกาข้อมือ พกใส่กระเป๋ากางเกงได้ เวลาเจ้าลูกสัตว์ประหลาดหิวมันจะส่งเสียงร้องเตือน เราต้องรีบเอามากดปุ่มให้อาหารจนอิ่ม การเลี้ยงโดยเอาใจใส่ดีพอจะทำให้สัตว์นี้เติบโตมาน่ารักอ้วนพี แต่ถ้าเลี้ยงไม่ได้เรื่อง ประมาณว่าเอาใจมากเกินไป หรือปล่อยให้อดอยากมากเกินไป มันก็จะกลายไปเป็นสัตว์หน้าตาพิลึกพิลั่นดูน่าร้ายกาจ หรือไม่ก็ตายเพราะความหิวโหย
เกมนี้เขาว่าจะช่วยฝึกความรับผิดชอบให้ เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะหันไปเริ่มเลี้ยงสัตว์จริงๆ ซึ่งมีรายละเอียดความวุ่นวายมากมายซับซ้อนกว่า เด็กคนไหนเล่นทามากอตจิได้ดี ไข่ประหลาดโตมากลายเป็นสัตว์น่ารัก ก็พอจะประเมินได้ว่ามีความรับผิดชอบและใจรักอยู่ ถ้าให้ไปเลี้ยงสัตว์จริงๆ ก็น่าจะไปรอด เขาว่าของเขาอย่างนั้นครับ ผมก็เลยไปซื้อมาเล่นกับเขาเครื่องหนึ่ง เริ่มต้นก็ตั้งอกตั้งใจดี แต่พอหลังๆ ชักขี้เกียจ ปล่อยปละละเลย เพราะไม่เห็นจะได้ฟิวเลี้ยงสัตว์ซักกะติ๊ด สุดท้ายเจ้าไข่นั้นก็กลายเป็นตัวประหลาดเกเรโคตรๆ นี่มันยังไงกันหว่า
เอ้า! เริ่มเข้าเรื่องกันเสียที
การ ให้อาหารปลา พูดแบบนี้หลายท่านคงส่ายหน้าดิกบอกว่า มันจะไปยากอาไร้ ก็แค่แกะซองหยิบสาดเข้าไปในตู้เท่านั้น ปลาก็ขึ้นมาสวาปามทุกครั้งไม่เคยขาด แล้วยังจะมีอะไรให้มากความกว่านี้อีกรึ?
คำตอบคือ มีขอรับ
ปลา เป็นสัตว์เลี้ยงอย่างหนึ่งที่ต้องใส่ใจอย่างมากในเรื่องของอาหารไม่น้อย อย่างที่กล่าวไปแล้วเมื่อบทก่อน และนอกเหนือจากโภชนาการที่ดีที่เหมาะสมแล้ว ยังจะต้องมีวิธีการให้ให้ถูกต้องอีกด้วย เพราะปลานั้นไม่เหมือนคน คนกินข้าววันละ 3 มื้อ กินทุกอย่าง ทุกฤดูกาล ไม่ปรากฏว่าช่วงหน้าหนาวคนจำศีล งดกินอาหาร หรือวันนี้กินเสียอิ่มแปล้พุงกางแล้ว พรุ่งนี้งดอาหารหนึ่งวันเต็มๆ ไม่มีครับ
แต่ปลามี เพราะปลาเป็นสัตว์น้ำที่มีธรรมชาติตามแบบฉบับของมัน แตกต่างจากสัตว์บก โดยเฉพาะคน ในธรรมชาติ ปลาบางชนิดต้องกินอาหารตลอดเวลา เช่น พวกปลากินแพลงตอน ซึ่งไหลมากับกระแสน้ำ ปลาบางชนิดจับสัตว์ขนาดพอสมควรกิน แล้วจากนั้นอีกวันสองวันค่อยล่าเหยื่อใหม่ ไม่ได้กินทุกวัน บางคนเอามาเลี้ยงแล้วประเคนอาหารให้ทุกวัน แถมยังมีของหวานเป็นกุ้งฝอยบ้าง หนอนนกบ้าง เติมให้ทุกครั้งเวลาแวะเข้ามาดู อย่างนี้ปลาจะอ้วนมาก อ้วนเกินไป ในร่างกายมีแต่ความอ่อนแอปวกเปียก และแทนที่จะมีอายุยืนยาวตามสายพันธุ์ของมัน ก็อาจเหลือเพียงครึ่งเดียว หรือน้อยกว่านั้นมาก
การให้อาหารปลาแบบถูกวิธีจึงต้องควบคู่มากับ พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ปลานั้นๆ เสียก่อน ตามที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อสองสามตอนก่อนหน้านี้ แต่สำหรับคราวนี้ ผมอยากจะพูดถึงสูตรสำเร็จในการให้อาหารปลาสำหรับท่านที่เลี้ยงปลาโดยทั่วๆ ไป ดังต่อไปนี้ครับ
วิธีการให้อาหารปลา
1. เลือกอาหารที่เหมาะสมกับปลาที่เลี้ยง
หาก เลี้ยงปลาประเภทกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ถึงแม้ว่าปลาจะสามารถปรับตัวเองให้กินอาหารเม็ดสำเร็จรูปได้แล้ว แต่ก็ยังเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเลือกอาหารเม็ดที่ผลิตมาสำหรับปลากิน เนื้อโดยเฉพาะ อาหารเม็ดโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของทั้งพืชและเนื้อสัตว์ เรียกได้ว่าออกแบบมากลางๆ สำหรับปลาสวยงามทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นปลาประเภท Omnivores คือกินได้ทั้งสองแบบ แต่หากปลากินเนื้อกินอาหารแบบนี้เข้าไปนานๆ สุขภาพของมันก็จะไม่ดี เช่นเดียวกับปลากินเฉพาะพืช แต่เดี๋ยวนี้ค่อนข้างโชคดี ผู้ผลิตอาหารปลาหลายรายเริ่มจำแนกชนิดอาหารได้ละเอียดอ่อน เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น ผมเห็นอาหารเม็ดสำหรับปลาอะโรวาน่า ซึ่งเป็นปลากินเนื้อร้อยเปอร์เซ็นต์มาวางขาย เห็นอาหารแผ่นสำหรับปลากินพืช เห็นอาหารชนิดจมสำหรับกลุ่มปลาแพะ เห็นอาหารป่นเป็นเกล็ดเล็กๆ สำหรับปลาหางนกยูง ฯลฯ เรียกได้ว่าตอนนี้มีอาหารทุกรูปแบบรอคอยอยู่แล้วในร้านขายปลา ขอเพียงผู้เลี้ยงทำหน้าที่เลือกสรรสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับปลาตัวน้อยของ ตนเท่านั้นเป็นพอ
2. กำหนดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้พอเพียง
ไม่ มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป พูดได้คร่าวๆ ว่า ปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ที่ปลากินหมดภายใน 2-3 นาที นักเลี้ยงมือใหม่มักไม่เข้าใจ และขอให้ระบุจำนวนไปเลยว่า กี่เม็ดต่อตัว มันพูดยากนะครับแบบนี้ เพราะปลามันคงไม่ฉลาดพอที่จะเอาอาหารไปนั่งแบ่งสันปันส่วนกันเองหรอกว่า เฮ้ย! เจ้านายท่านให้งบประมาณมาตัวละสิบเม็ดนะเว้ย นี่ส่วนของข้า โน่นของเอ็ง ห้ามขี้โกง อะไรทำนองนี้ ดีที่สุดคือกำหนดด้วยระยะเวลา และควรมีการยืดหยุ่นด้วยตามลักษณะนิสัยของสายพันธุ์ เช่น ถ้าเป็นปลาที่กินอาหารมูมมามอย่างปลาคาร์พ ปลาตะเพียน ปริมาณอาหารเท่ากับที่ปลาชนิดอื่นกินหมด 2-3 นาที เจ้าพวกนี้อาจใช้เวลาเพียง 30 วินาที เสร็จแล้วจะรีบโผขึ้นมาสลอนเพื่อขอกินอีก แต่อย่าไปหลงกลมันครับ เจ้าพวกนี้ชอบฮุบอาหารอมไว้ในกระพุ้งแก้มทีละหลายๆ เม็ด แล้วค่อยทยอยเอาเข้าท้องภายหลัง ในขณะเดียวกันปลาแพะ ปลาซัคเกอร์ ซึ่งกินอาหารเชื่องช้า แต่กินได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน เราจึงต้องเผื่อเวลาให้นานสักหน่อย กว่าปลาจะกินหมด อาจใช้เวลา 10-15 นาที จะรู้ว่าอิ่มหรือยังก็พิจารณาเทียบเคียงเอากับขนาดตัวกับปริมาณอาหารที่ให้ ครับ ไม่ค่อยแตกต่างจากปลาอื่นนักหรอก
3. ให้น้อยๆ แต่ให้บ่อย ดีกว่าให้มากๆ เพียงมื้อเดียว
บาง คนไม่ค่อยมีเวลา การให้อาหารปลามักทำในตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน ให้ทีเดียวลอยเกลื่อนเต็มผิวน้ำ กะเหลือให้ปลาขึ้นมากินในตอนเที่ยงกับตอนเย็นด้วย ในความเป็นจริงปลามันไม่สนใจเรื่องของการเก็บงำเผื่อไว้ในวันข้างหน้าเหมือน คนหรอกครับ ให้เท่าไหร่ก็ยัดทะนานให้เต็มท้อง ยัดแล้วยัดอีก พอแน่นเข้าก็สำรอกออกมาจนน้ำขุ่น คุณภาพของน้ำเสื่อมเร็ว แถมสุขภาพของปลาก็จะค่อยๆ แย่ลง จนป่วยตายในเวลาต่อมา
ดีที่สุดคือ การให้ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยมื้อ แต่ถ้าไม่สะดวก ก็เหลือ 2 มื้อ เช้า เย็น ก็ได้ ปริมาณของอาหารก็ตาม ข้อ 2
4. ในหนึ่งสัปดาห์ควรงดอาหารปลาหนึ่งวัน
อาจ เลือกเอาวันอาทิตย์หรือวันไหนก็ได้ครับ แต่ให้แน่นอนตายตัว ปลาที่อดอาหารหนึ่งวันต่อหนึ่งสัปดาห์จะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าปลาที่กินทุกวัน อันนี้พิสูจน์มาแล้ว
การเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ปลา
สมัย เด็กผมเลี้ยงปลาทองไว้ในขวดโหล เป็นโหลแบบที่เขาใช้ใส่ขนมหวานน้ำแข็งไสประเภทนั้น ด้วยเหตุที่บ้านอยู่ริมคลองจึงตักน้ำจากคลองนั่นแหละมาเลี้ยง มันก็ขุ่นไปตามประสาน้ำคลอง แต่ก็ยังพอมองเห็นไม่ลำบากลำบน อาหารก็เน้นเป็นลูกน้ำซึ่งไม่ต้องเสียสตางค์ เครื่องปั๊มลมสำหรับให้ออกซิเจนก็ไม่มี เมื่ออาหารมาก พื้นที่แคบแถมยังไม่มีอุปกรณ์กรองน้ำและออกซิเจน ของเสียหรือพูดง่ายๆ คือ ขี้ปลาจึงเยอะ ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อย วิธีการเปลี่ยนน้ำของผมง่ายมากครับ คือตักปลาออกมาใส่ขัน เอาโหลไปล้างที่กระไดท่าน้ำ แกว่งๆ ถูๆ เสร็จแล้วก็ใช้น้ำคลองนั่นแหละมาเลี้ยงปลาใหม่ ก็เห็นอยู่สุขสบายดีจนกระทั่งหมดอายุขัยในอีกหลายปีต่อมา
วิธีเลี้ยง แบบเดียวกัน ทว่าเปลี่ยนจากบ้านริมคลองมาเป็นบ้านกลางเมืองใหญ่ ซึ่งต้องใช้น้ำประปา กลับกลายเป็นว่าปลามักตายอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ประคบประหงมอย่างดี อาหารรึก็ใช้ของแบรนด์เนม น้ำรึก็เปลี่ยนถ่ายบ่อย ขัดล้างกระจกใสปิ๊งทุกครั้ง แต่ทำไมยังตายอยู่ได้
คำตอบก็คือ เรื่องของน้ำนั่นเอง
น้ำ คลอง ถึงแม้ดูไม่สะอาดสำหรับคน แต่กับปลาส่วนใหญ่แล้วถือว่าสวรรค์ เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามิน เกลือแร่ อะไรต่อมิอะไรที่สัตว์น้ำอย่างพวกมันต้องการ ตรงข้ามกับน้ำประปาซึ่งมีคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อโรค ทำให้สะอาดนักหนาสำหรับคน แต่ก็คือยาพิษดีๆ นี่เองสำหรับปลา เมื่อปลาถูกย้ายลงมาอยู่ในน้ำที่มีคลอรีน แม้ว่าเพียงเล็กน้อย แต่ปลาก็จะแสดงอาการทุรนทุราย ว่ายหนี หรือซุกตัวนิ่งหายใจหอบ หากปลานั้นใหญ่โตหรือมีความแข็งแรงมากพอ มันก็อาจทนอยู่ได้ ซึ่งแน่นอนมันไม่ชอบหรอก แต่ถ้าเป็นปลาเล็กหรือปลาบอบบางก็อาจถึงตายภายในเวลาไม่นานนัก
ปลา ที่แพ้น้ำใหม่หรือแพ้คลอรีนจะไม่ได้ตายในทันที อาการมักค่อยๆ ก่อตัวโดยใช้เวลาสักระยะ ช้าเร็วขึ้นอยู่กับความทนทานของตัวปลาเองและปริมาณคลอรีนที่ปนมากับน้ำ พอคนเลี้ยงเห็นว่าปลาตายจึงไม่ได้เฉลียวใจว่าไอ้ที่ตายเนี่ยมันเกิดจากน้ำ มือของเราเองแท้ๆ กลับตรงรี่ไปต่อว่าร้านขายปลาที่ซื้อมา หาว่าเขาขายปลาเป็นโรคให้อย่างโน้นอย่างนี้
การเปลี่ยนถ่ายน้ำถือ เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการเลี้ยงปลา เป็นหัวใจหลักๆ เลย ที่จะทำให้ปลาอยู่ดีมีความสุข นอกจากนั้น การเปลี่ยนถ่ายน้ำยังทำให้ทัศนวิสัยในการมองปลาในตู้ดูดีขึ้นด้วย แต่การเปลี่ยนถ่ายน้ำก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้โดยไร้หลักการกฎเกณฑ์ มันมีวิธีการ ซึ่งว่าไปแล้วง่ายและสะดวกมากหากเราทำความเข้าใจสักนิด
ก่อนเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ ควรรู้อะไรก่อน?
1. รู้ว่านานแค่ไหน ถึงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำ
โดย มากแล้ว ความถี่ของการล้างตู้ปลาจะขึ้นอยู่กับขนาดของตู้เลี้ยงและจำนวนปลา หากตู้ใหญ่มาก เช่น 48 นิ้ว ขึ้นไป และมีระบบกรองน้ำที่ดี การเปลี่ยนถ่ายน้ำอาจยาวนานเป็นสองสัปดาห์ต่อครั้ง หรือนานกว่านั้น แต่ไม่ควรเกินหนึ่งเดือน นอกจากว่าเป็นตู้อลังการงานสร้าง จุน้ำทีละหลายๆ ตัน มีระบบกรองใหญ่เท่าห้องนอน อย่างนี้ปล่อยไว้เป็นปีก็ยังได้ กว่าจะล้างกันสักครั้งหนึ่ง
2. รู้ว่าน้ำใหม่ที่จะเปลี่ยนลงตู้ปลา เป็นน้ำแบบไหน
ส่วน ใหญ่แล้วหนีไม่พ้นน้ำประปา ซึ่งมีทั้งใช้แบบเพียวๆ กับผ่านเครื่องกรองหรือถังพัก ซึ่งแบบหลังนี้จะช่วยลดคลอรีนไปได้ค่อนข้างมาก หรือลดได้ทั้งหมด การเปลี่ยนถ่ายน้ำก็ทำได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องระมัดระวังอะไรกันมากมาย แต่หากไม่มีเครื่องกรองหรือถังพักน้ำ ก็จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนถ่ายครั้งละน้อยๆ และทำให้บ่อยครั้งขึ้น ที่สำคัญอีกประการคือเรื่องของอุณหภูมิ บางบ้านใช้ถังพักน้ำก็จริง ทว่าถังดันผ่าไปอยู่กลางแดดหรือใกล้แดด น้ำที่เติมเข้ามาในตู้ไม่มีคลอรีน แต่ร้อนจี๋ อย่างนี้ปลาก็ตายได้เช่นกัน แถมยังอาจจะไวกว่าคลอรีนเสียอีก สุภาษิตที่ว่า น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ผมไม่เห็นว่ามันจะจริงเสียทีครับ
3. รู้ว่าปลาที่เลี้ยงเป็นชนิดอะไร
เพราะ ปลาแต่ละชนิดมีสภาพความเป็นอยู่ตามธรรมชาติไม่เหมือนกัน บางชนิดชอบน้ำใหม่ บางชนิดไม่ค่อยชอบ ปลาที่ชอบน้ำใหม่ๆ อย่างปลาทอง ปลาคาร์พ ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายได้ครั้งละมากๆ ส่วนปลาที่ชอบน้ำเก่าต้องเปลี่ยนให้บ่อย แต่เปอร์เซ็นต์น้อยกว่า เช่น แทนที่จะเปลี่ยนครั้งละ 30% ก็ลดลงเหลือ 10% ไม่เช่นนั้นปลาอาจช็อคน้ำชักดิ้นชักงอได้ ตัวอย่างปลากลุ่มนี้ ได้แก่ ปลาที่มาจากป่าพรุ หรือปลาจากลำธารในป่าอะเมซอน เป็นต้น
เมื่อรู้เขา รู้เราแล้ว ก็เริ่มลากสายยางมาเปลี่ยนถ่ายน้ำกันได้เลย ขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายน้ำตู้ปลาก็มีง่ายๆ ดังนี้ครับ
1. ดึงปลั๊กไฟออกให้หมดเสียก่อน
2. ใช้ฟองน้ำเช็ดกระจกด้านในทั้งสี่ด้าน หรือถ้าลำบากเอื้อมไม่ถึงด้านหลังก็เอาเหลือสามด้านก็ได้ หรือยังลำบากอยู่อีกก็เอาเฉพาะด้านหน้าด้านเดียว ถ้ายังลำบากมากกว่านี้แนะนำให้เลิกเลี้ยงไปเลยครับ การเช็ดต้องทำช้าๆ ระมัดระวัง ไม่ให้ปลาตื่นตกใจ เช็ดวนเป็นวงกลมๆ ซ้ำหลายๆ ครั้งจะสะอาดกว่าเช็ดแบบกวาดพสุธาซ้ายทีขวาที
3. ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้เศษสิ่งสกปรกในน้ำตกตะกอน
4. ใช้อุปกรณ์ดูดน้ำ หรือที่เรียกว่า "ไซฟอน" ต่อกับสายยาง ดูดเอาน้ำและสิ่งสกปรกออกจากบริเวณกรวดหิน วิธีใช้ไซฟอนต้องครอบมันลงไปตรงๆ ทะลุผ่านชั้นกรวด ฝุ่นตะกอนที่ซุกอยู่ภายใต้กรวดจะถูกดูดออกมาได้โดยที่เราไม่ต้องไปรื้อคุ้ย ด้วยมือให้ฟุ้งวุ่นวาย ย้ายตำแหน่งไซฟอนไปให้ทั่วๆ ตู้ คะเนว่าน้ำออกจากตู้ไปแล้ว 20-30% ก็ควรหยุดแค่นั้น แม้ยังมีสิ่งสกปรกให้จัดการต่อก็อย่าโลภ เดี๋ยวปลาจะแย่
5. จัดตกแต่งตู้ตามใจ จะเปลี่ยนต้นไม้ใหม่หรือหินก้อนใหม่ก็เชิญได้ในตอนนี้ แต่ต้องค่อยๆ ทำ เพื่อไม่ให้ปลาตื่นและฝุ่นฟุ้งกระจาย
6. เอากระชอนตักเศษใบไม้ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ต้องการออกมาให้หมด
7. เติมน้ำ ต้องเปิดน้ำให้ไหลลงกับก้อนหิน หรือหาอะไรมารองรับ เช่น ขันน้ำพลาสติค เพื่อลดแรงกระแทกของน้ำ
8. ตรวจดูระดับน้ำ ไม่ให้สูงหรือต่ำจนเกินไป ยิ่งตู้ที่ใช้กรองมุมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าน้ำน้อยเกินปั๊มน้ำอาจพัง เพราะความร้อน แต่ถ้าน้ำมาก กระบวนการกรองก็จะไม่สมบูรณ์ เสร็จแล้วก็เก็บของ เช็ดทำความสะอาดกระจกตู้ด้านนอก เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ
เห็นได้เลย ครับว่า การเปลี่ยนถ่ายน้ำทำความสะอาดตู้ปลาเป็นเรื่องที่ง่ายจริงๆ ผมเคยคุยกับนักเลี้ยงปลามือใหม่ ที่มีปัญหาเรื่องปลาตายบ่อยครั้ง แทบร้อยทั้งร้อยมักไม่รู้วิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างถูกต้อง ส่วนใหญ่จะตักปลาออกจากตู้ก่อน ตามด้วยกรวดหินประดามีที่ใช้ตกแต่ง แถมยังรื้อวัสดุกรองออกมาล้างตากแดด เสร็จแล้วจึงโซโลขัดตู้จนเอี่ยม กว่าจะเอาของต่างๆ กลับลงไปตามเดิม เติมน้ำใหม่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เล่นไปหลายชั่วโมง ยิ่งตู้ขนาดใหญ่บางทีใช้เวลาทั้งวัน เสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ แถมปลาก็ยังตายอยู่เรื่อย
หนังสือพิมพ์เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 19 ฉบับที่ 412 หน้า 100
|