ไปอ่านเจอบทความดีๆ มา เลยแปลบางส่วนมาให้อ่านกันครับ
เผื่อจะเป็นแนวทางในการเลือกใช้หลอดที่ถูกต้องมากขึ้น
คนที่เลี้ยงไม้น้ำส่วนใหญ่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการสังเคราะห์แสงของพืชและสเปคตรัมของแสงที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยส่วนใหญ่จะเลือกโดยพิจารณาจากอุณหภูมิแสงของหลอด ซึ่งไม่ได้บอกว่าสเปคตรัมของแสงออกมาในช่วงไหนและมีความเข้มแสงมากขนาดไหน แสงที่ตามองเห็นจะอยู่ในช่วง 400-700 nm รวมเรียกว่าแสงขาว พืชสามารถดูดซับและนำแสงแค่บางช่วงของแสงขาวในการสังเคราะห์แสงโดยช่วงแสงที่พืชนำไปใช้คือแสงสีน้ำเงินและสีแดง ที่เราเห็นว่าพืชมีสีเขียวน้ำเพราะพืชสะท้อนแสงสีเขียวออกมา ที่เราเห็นว่าแสงมีความสว่างมากหรือน้อยนั้นเกิดจากตาของคนเราเห็นปริมาณของแสงต่อพื้นที่และแสงที่ตาของคนสามารถมองเห็นได้มากที่สุดคือสีเขียว
ดังนั้นในการเลือกใช้หลอดไฟไม่ควรนำอุณหภูมิสีมาใช้พิจารณาอย่างเดียว ถึงแม้หลอดแบบฟูลสเปคตรัมจะมีอุณหภูมิแสงอยู่ระหว่าง 5500-6500K และเหมาะสำหรับพืช แต่ก็ไม่ได้บอกค่าความยาวคลื่นแสงที่ปล่อยออกมาเลย ถ้าต้องการให้ต้นไม้มีใบสมบูรณ์ควรใช้แสงสีน้ำเงินและถ้าต้องการให้ต้นไม่ไม่ยืดและสีสวยควรใช้แสงสีแดง ดังนั้นจึงควรใช้ทั้งแสงสีแดงและสีน้ำเงินเพื่อพืชสังเคราะห์แสงได้มากที่สุด ส่วนแสงเขียวที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อการสังเคราะห์แสงนั้น จะช่วยให้พืชดูสว่างเขียวและสวยในสายตามนุษย์เท่านั้นไม่ได้ ดังนั้นตู้ที่สว่างต้นไม้ดูเขียวสด ต้นไม้อาจไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก็ได้
โดยทั่วไปพืชจะใช้แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงในการสังเคราะห์แสงในปริมาณที่พอๆกัน แต่เนื่องจากแสงสีแดงถูกดูดซับจากน้ำได้ง่ายกว่าสีน้ำเงิน ช่วงของแสงสีแดงที่พืชใช้มากที่สุดคือช่วง 650-675 nm

ช่วงแสงที่สำคัญในการสังเคราะห์แสงจากรูปคือ
Chlorophyll-a: 430nm/662nm
Chlorophyll-b: 453nm/642nm
Carotenoids: 449nm/475nm
นอกจากนี้หลอดโดยทั่วไปจะบอกค่าความสว่างเป็นหน่วย lumen ซึ่งจะคิดจากพลังงานในช่วงที่ตาของคนมองเห็นมากที่สุดซึ่งก็คือแสงเขียว เราจึงควรใส่ใจถึงความหมายที่แท้จริงของค่า lumen ที่บอกมา เช่น หลอดไฟ ก มีค่า lumen สูงกว่าหลอดไฟ ข และเรารู้สึกว่ามันสว่างกว่า แต่จริงๆ แล้ว หลอดไฟ ข ให้ช่วงแสงที่มีประโยชน์กับการสังเคราะห์แสงมากกว่า ตัวอย่างเช่น หลอด Grolux ที่วัตต์เท่ากับหลอด cool white จะมีค่า lumen น้อยกว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะหลอด Grulux มีช่วงแสงเขียวน้อยกว่าหลอด cool daylight ซึ่งจะเน้นช่วงแสงเขียว หลอด Grolux จึงเหมาะสมกับพืชมากกว่าเพราะออกแบบมาสำหรับพืช แต่ทั้งนี้เนื่องจากมีแสงเขียวน้อย เราจึงควรจะหาหลอด cool light มาเสริม เพื่อให้ตู้มีสีเขียวมากขึ้นจะได้ดูสวยขึ้นนั้นเอง

อุณหภูมิสีและค่า lumen จึงไม่ไม่ประโยชน์สำหรับพืช อุณหภูมิแสงเป็นแค่เพียงตัวบอกว่าตู้ของเราจะเป็นยังไงจะออกโทนแดงหรือน้ำเงิน ส่วนค่า lumen ไม่มีความหมายกับพืชเพราะพืชไม่ได้ใช้แสงเขียวในการสังเคราะห์แสงมีผลแค่เพียงทำให้ต้นไม้ดูเขียวขึ้นเพราะแสงเขียวมีมากนั่นเอง
ดังนั้นการเลือกใช้หลอดจึงไม่ควรพิจารณาจากอุณหภูมิสี หลอดที่อุณหภูมิสีเท่ากันอาจจะมีช่วงคลื่นแสงที่ปล่อยออกมาแตกต่างกันมาก อุณหภูมิสีเป็นค่าตัวบอกว่าตู้เราจะดูเป็นแบบไหน เช่นท้องฟ้ามีอุณหภูมิสีที่ 10000K และเป็นสีฟ้า แสงที่มีอุณหภูมิสีสูงกว่าจึงบอกได้ว่ามีสีฟ้าแต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีช่วงแสงสีฟ้ามากที่สุด หากแต่หมายถึงมันจะให้พืชมีสีออกฟ้าและช่วยกระตุ้นพืชซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ส่วนหน่วยสังเคราะห์แสงที่ใช้สีแดงนั้นจำเป็นจะต้องใช้แสงฟ้าและสีเขียวบางส่วนและความเข้มแสงในปริมาณที่มาก พืชแดงจะเปลียนเป็นสีเขียวถ้ามีแสงน้อยเกินไป (แสงฟ้าและหรือแสงเขียวไม่พอ) แต่ในทางกลับกันพืชสีเขียวอาจจะเปลี่ยนเป็นสีแดงถ้าแสงมากเกินไป
หน่วยมาตรฐานที่ใช้วัดพลังงานในการสังเคราะห์แสงคือ PAR (Photosynthetic Available Radiation) ซึ่งจะวัดปริมาณโฟตอนต่อวินาที และโฟตอนจะถูกดูดซับโดยพืชเพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสงไม่ว่าโฟตอนนั้นจะมีความยาวคลื่นเท่าใด หรืออีกในหนึ่งถ้าให้ปริมาณโฟตอนแสงฟ้าปริมาณหนึ่งแก่พืช พืชจะสามารถสังเคราะห์แสงได้เท่ากับโฟตอนแสงแดงในปริมาณที่เท่ากัน ด้วยเหตุนี้สเปคตรัมของแสงจากหลอดจึงมีความสำคัญในการพิจารณา เราอาจจะเพิ่มหลอดที่มีแสงเขียวเพื่อช่วยให้ตู้ดูสบายตาเพราะส่วนใหญ่แล้วหลอดสำหรับพืชจะมีสีออกไปโทนม่วง
พืชสามารถเจริญเติบโตได้ในหลอดทั่วๆไป ที่มีแสงสีฟ้าและแดงบ้าง แต่ปัญหาคือมันจะมีแสงช่วง 500-600 nm ซึ่งมีประโยชน์กับตะไคร่เขียว ตะไคร่เขียวใช้หน่วยสังเคราะห์แสงชนิดเดียวกับต้นไม้ (chlorophyll a/b และ carotenoids) แสงในช่วงที่พืชใช้จึงมีประโยชน์กับตะไคร่เขียวด้วย ส่วนตะไคร่น้ำเงินเขียวจะชอบแสงในช่วง ส้ม-แดง ซึ่งมีอยู่ในหลอดฟลูออเรสเซนต์ทุกชนิด สำหรับตู้ไม้น้ำแสงควรจะช่วงแสงแดงในปริมาณที่สูง และใช้แสงฟ้าและเขียวเพื่อช่วยให้แสงบาลานท์ขึ้นและดูสว่างขึ้น แสงฟ้าสูงจะช่วยให้พืชโตแบบต้นเตี้ยและเป็นพุ่ม แต่ก็จะช่วยให้ตะไคร่โตด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงควรบาลานต์แสงแดงและฟ้าที่อัตราส่วน 2:1
สรุปแล้วก็คือ
การเลือกใช้หลอดที่ถูกต้องไม่ควรนำค่าอุณหภูมิสีมาพิจารณาอย่างเดียว
ควรจะดูจากสเปคตรัมของหลอดซึ่งหลอดไม้น้ำส่วนใหญ่จะมีบอกไว้ที่กล่อง
ควรจะมีแสงสีแดงเป็นหลักแล้วค่อยเสริมด้วยแสงฟ้า แล้วเขียว
ใครอยากอ่านบทความเต็มก็ที่นี่ครับ
http://www.aquaticplantcentral.com/forumapc/science-aquatic-lighting/38014-lighting-spectrum-photosythesis.html
สเปคตรัมของหลอดต่างๆ ครับ
Azoo ขาว

Azoo แดง

Synvania Grolux

Synvania Daylightstar

Synvania Aquastar

อันนี้เป็นความยาวคลื่นแสงที่ปล่อยออกมาจากหลอด 865 ยอดนิยมเปรียบเทียบกับหลอดไม้น้ำของ philips เอง
จะเห็นว่า 865 เน้นช่วงแสงสีเขียว แต่หลอดสำหรับไม้น้ำจะเน้นแสงช่วงที่พืชใช้สังเคราะห์แสง
865 หลายๆ หลอดจึงเป็นทางเลือกสำหรับความประหยัด แต่ใครงบสูงก็ใส่หลอดสำหรับไม้น้ำไปด้วยเลยผสมกัน
