Aqua.c1ub.net
*
  Mon 10/Nov/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ประโยชน์ของทรายในตู้ปลาทะเล  (อ่าน 19686 ครั้ง)
Out Layer ออฟไลน์
Club Member
« เมื่อ: 09/09/12, [11:30:11] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

    
     ผู้เลี้ยงปลาทะเลหลายท่านคิดว่าการปูพื้นตู้ด้วยทรายนั้นไม่จำเป็น อีกทั้งยังจะเป็นที่สะสมของสิ่งสกปรกและจะทำให้น้ำเสื่อมคุณภาพเร็ว ซึ่งตรงกันข้ามกับความจริง แนวปะการังในธรรมชาตินั้นอยู่ในพื้นที่ๆล้อมรอบด้วยทรายเป็นจำนวนมาก พื้นทรายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศน์ มันเป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิดและช่วยรองรับสิ่งมีชีวิตต่างๆได้อย่างแยบยล ดังนั้นถ้าหากเรานำหลักการนี้มาใช้ เราก็จะสามารถสร้างระบบนิเวศน์ในตู้ของเรา ให้มีความอุดมสมบูรณ์ใกล้เคียงกับธรรมชาติได้

พื้นทรายมีสามหน้าที่หลัก:
- เป็นที่กำจัดของเสียและสิ่งปฎิกูลที่ผสมอยู่ในน้ำ และส่งออกไปจากระบบ (export) ในรูปแบบอื่นๆ เช่นก๊าซไนโตรเจน
- เป็นที่รีไซเคิล ตะกอน อาหารตกค้างและสิ่งปฎิกูลอื่นๆ ให้กลับมาอยู่ในรูปแบบที่สามารถนำมาใช้ได้
- เป็นที่อยู่และสืบพันธุ์ของสัตว์หลากหลายชนิด ซึ่งสามารถเป็นอาหารให้กับปลาและปะการังในตู้ได้ แบคทีเรียและพื้นทราย

     เรามักจะมองข้ามความสำคัญของแบคทีเรียในตู้ปลา แต่มันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อปลาทุกตัวและปะการังทุกชนิดที่เรานำมาเลี้ยง เพราะมันทำหน้าที่ย่อยสลาย Ammonium Hydroxide (NH2OH) และ Phosphate (PO4) ซึ่งเป็นของเสียที่ถูกขับถ่ายออกจากตัวปลาและสัตว์ไร้กระดูกสันหลัง Ammonium Hydroxide และ Phosphate เป็นผลลัพธ์ของการเผาผลาญโปรตีนในร่างกายของสัตว์ส่วนใหญ่ (รวมถึงมนุษย์ด้วย) Ammonium Hydroxide เป็นก๊าซที่ละลายผสมอยู่ในน้ำ ซึ่งแม้ในปริมาณที่ต่ำก็มีพิษสูงมาก สำหรับ Phosphate นั้น ถึงแม้จะไม่เป็นพิษต่อสัตว์ทั่วไป แต่ในปริมาณที่มากก็จะยับยั้งการเจริญเติบโตของปะการังได้ อาหารปลาส่วนใหญจะมีโปรตีนอยู่สูงมาก เมื่อปลากินเข้าไปและถ่ายออกมา แอมโมเนียและ Phosphate ก็จะเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการรักษาจำนวนของแบคทีเรียในตู้ในธรรมชาติ ของเสียที่มีส่วนผสมของไนโตรเจน (Nitrogenous waste) เช่น Amonia และ Phosphate นั้น จะถูกย่อยสลายหรือซึมซับโดยแบคทีเรียและสาหร่าย ซึ่งในตู้ปลาที่ปูพื้นด้วยทรายหนา แบคทีเรียและสาหร่ายที่อยู่ใต้พื้นทรายจะซึมซับของเสียเหล่านี้ได้ในปริมาณสูงมาก  แบคทีเรียจะย่อยสลายของเสียนี้ ให้กลายเป็นก๊าซไนโตรเจนได้ มันจะสามารกเจริญเติบโตได้ดีลึกลงไปใต้ผิวทราย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีอ๊อกซิเจนต่ำมาก ในอุณหภูมิปกติ (28 C) แบคทีเรียบางพันธุ์สามารถเพิ่มจำนวนเป็นเท่าตัวได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถ้าหากมีสารอาหารเพียงพอ การเติบโตที่รวดเร็วเช่นนี้จะทำให้เราสามารถมองเห็นฟองก๊าซไนโตรเจนใต้ผิวทรายได้อย่างชัดเจน

ความสำคัญของขนาดของเม็ดทราย
     ขนาดของเม็ดทรายจะเป็นตัวกำหนดพื้นที่ๆแบคทีเรียจะสามารถใช้อยู่อาศัยได้ในตู้ปลา ยิ่งขนาดของเม็ดทรายเล็กลง (ละเอียดมากขึ้น) พื้นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียก็จะเพิ่มมากขึ้น เราจะเปรียบเทียบเม็ดทรายกับเม็ด (ซาก) ปะการังป่นเม็ดปะการังป่นที่มีสัดส่วน 1x1x1 มม. จะมีพื้นที่ทั้งหมด 6 ตาราง มม. เม็ดทรายละเอียดที่มีสัดส่วน 0.125x0.125x0.125 มม. จะมีพื้นที่ทั้งหมด 0.09375 ตาราง มม. แต่ถ้าเรานำเอาเม็ดทรายละเอียดมารวมกันให้มีสัดส่วนเท่ากับเม็ดปะการังป่น เราจะต้องใช้เม็ดทรายละเอียดถึง 512 เม็ด ซึ่งจะมีพื้นที่ทั้งหมด 48 ตาราง มม. จะเห็นได้ว่าทรายละเอียดมีพื้นที่มากกว่าปะการังป่นถึงแปดเท่าตู้ปลาที่ปูพื้นด้วยทรายละเอียด จะมีพื้นที่ให้แบคทีเรียอยู่อาศัยสูงมาก เม็ดทรายขนาดประมาณ 1/8 มม. (0.125 มม.) ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสม ในปริมาตร 1 ลูกบาศก์ฟุตจะมีพื้นที่มากถึง 14,828 ตารางฟุต ซึ่งสามารถรองรับจำนวนแบคทีเรียได้อย่างมหาศาล พื้นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียบนหินเป็นยังนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับพื้นที่บนทรายละเอียด จำนวนแบคทีเรียจะสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ก็ต่อเมื่อไม่มีการแข่งขันกันเอง เพื่อแย่งชิงพื้นที่อยู่อาศัยและสารอาหารที่จำเป็น เมื่อจำนวนแบคทีเรียเพิ่มขึ้นและครอบคลุมพื้นที่จนหมด อัตราการขยายตัวของจำนวนแบคทีเรียจะลดลง ดังนั้นตู้ที่มีพื้นที่มากก็จะสามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้มากกว่า

การเกาะตัวของทราย
     แบคทีเรียบางชนิดจะปล่อยสารห่อหุ้มตัวเรียกว่า Glycocalyx ซึ่งมีความแข็งเหมือนผลึกน้ำตาล จำนวนแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้สาร Glycocalyx เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและผลึกของมันจะทำให้เม็ดทรายเกาะตัวกันเป็นก้อน ซึ่งผู้เลี้ยงอาจจะต้องออกแรงบีบเพื่อให้มันแตกออกจากกันทรายที่เกาะตัวเป็นก้อนจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบกรองชีวภาพลดลง เพราะก้อนทรายจะทำให้การไหลเวียนของน้ำต่ำลง ทำให้แบคทีเรียที่อยู่ภายในก้อนทรายขาดสารอาหาร ซึ่งในที่สุดแล้ว ความสามารถของพื้นทรายในการย่อยสลายของเสียก็จะลดลง เราสามารถป้องกันไม่ให้ทรายเกาะตัวได้ โดยการทำให้พื้นทรายอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์หลากหลายชนิด ที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ผิวทราย (Infauna) หนอน Cirratulid จะฝังตัวอยู่ในทราย หนวดของมันจะโผล่ขึ้นมาเหนือทราย เพื่อใช้หายใจ และหาสิ่งปฎิกูลต่างๆบนพื้นทรายกินเป็นอาหาร
 
Infauna
     คำว่า infauna มาจากคำว่า in ซึ่งแปลว่าใน และคำว่า fauna ซึ่งแปลว่าสัตว์กลุ่มหนึ่ง มันจึงมีความหมายโดยรวมว่า สัตว์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นดินหรือทราย สัตว์กลุ่มนี้ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยจะโสภามากนัก แต่มันได้ก็รับสมญานามว่าเป็น "ภารโรง" แห่งตู้ปลาทะเลและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์แบบพื้นทรายที่อุดมสมบูรณ์จะมีสัตว์ต่างๆอาศัยอยู่มากกว่า 200 ชนิด ซึ่งรวมถึงหนอนตัวแบน หนอนปล้อง ทาก ดาวเปราะ แตงกวาทะเล โปรโตซัว และ Crustacean พวกมันจะกินอาหารตกค้าง มูลปลา สาหร่ายและสิ่งปฎิกูลเป็นอาหาร ของเสียที่มันถ่ายออกมาก็จะเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียอีกทอดหนึ่ง infauna บางชนิดจะมุดอยู่ในโพรงใต้ทรายและกินทรายไปเรื่อยๆ โดยสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาก (มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น) จะถูกย่อยและทรายจะถูกถ่ายออกมา ทำให้มีพื้นที่ว่างสำหรับแบคทีเรียที่จะอยู่อาศัยหนอนไฟใน genus Eurythoe จะไม่ทำร้ายปะการัง มันจะกินอาหารตกค้างหรือซากสัตว์อื่นๆเป็นอาหาร
      การเคลื่อนตัวของ infauna ใต้พื้นทรายจะทำให้เม็ดทรายขยับ (คล้ายกับโพรงที่หนอนขุดในดินที่ช่วยทำให้ดินร่วน) บางพันธุ์สามารถขยับเม็ดทรายได้ประมาณ 10 ถึง 100 ลูกบาศก์ มม.ต่อวัน ตู้ของผมมี infauna อยู่ประมาณ 100,000 ตัว ซึ่งพวกมันสามารถขยับทรายได้ถึงวันละประมาณ 1 ถึง 10ล้าน ลูกบาศก์ มม. ทำให้ทรายทั้งหมดมีการขยับตัวอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในหนึ่งเดือน เป็นการป้องกันปัญหาทรายเกาะตัวเป็นก้อนได้อย่างดี นอกจากจะช่วยไม่ให้ทรายเกาะตัวแล้ว infauna ยังเป็นอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆในตู้ได้อีกด้วย ส่วนใหญ่มันจะมีอายุขัยไม่เกินหนึ่งปี แต่สามารถโตได้เร็วมากและสืบพันธุ์ได้หลังจากที่มันเกิดเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ เสปิร์มและตัวอ่อนของมันจะเป็นอาหารให้แก่ปะการังและสัตว์ที่กินด้วยการกรอง (filter feeder) อย่างเช่นฟองน้ำ

วิธีปูพื้นทราย
     การสร้างพื้นทรายนั้นง่ายมาก แค่ใส่ทรายลงไปให้มีความสูงอย่างน้อย 4 นิ้วก็เสร็จ สิ่งที่สำคัญก็คือขนาดหรือความละเอียดของทราย เม็ดทรายที่เหมาะสมควรจะมีขนาดประมาณ 0.125 มม. แต่การวัดขนาดของเม็ดทรายก็ไม่ใช่ว่าทำได้ง่ายๆ ดังนั้นคุณก็ควรจะใช้ทรายที่ละเอียดที่สุดเท่าที่จะหาได้ ทรายบางถุงอาจจะมีกรวดหรือเปลือกหอยเล็กๆปะปนมาบ้าง ซึ่งไม่เป็นไรแต่ก็ไม่ควรจะมีมากเกิน 15% ของปริมาตรทรายทั้งหมด ควรจะหลีกเลี่ยงการปูพื้นตู้ปะการังป่นเพราะว่ามันมีเนื้อหยาบและจะทำอันตรายต่อ infaunaชนิดของทรายนั้นไม่สำคัญ คุณจะเลือกใช้ทรายทะเลชนิดไหนก็ได้ คนทั่วไปมักจะนิยมทราย Aragonite เพราะมีส่วนผสมของแคลเซี่ยมสูง และมีสีขาวนวลทำให้ดูสวยงามสำหรับตู้ที่มีปลาอยู่แล้ว ให้ตักเอากรวด ปะการังป่น หรือแผ่นกรองออกก่อน และใส่ทรายลงไปอาทิตย์ละประมาณหนึ่งนิ้ว ทรายที่ใส่ลงไปอาจจะทำให้น้ำขุ่นซักระยะหนึ่ง แต่จะไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในตู้และจะใสขึ้นเองภายใน 1 ถึง 4 วัน ตรวจดูให้แน่ใจว่าหินเป็นทุกก้อนที่วางอยู่บนพื้นทรายมีความมั่นคง ควรฝังหินเป็นลงไปในทรายซักประมาณหนึ่งนิ้วเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับหินก้อนอื่นๆที่เรียงอยู่สูงขึ้นไป อย่ามองข้ามจุดนี้ไปเพราะกระแสน้ำและสัตว์ต่างสามารถทำให้หินขยับเขยื้อนได้ ดีไม่ดีหินอาจถล่มลงมาและทำให้ตู้แตกได้

วิธีเก็บทรายเป็นจากทะเล
     ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวชายทะเล ที่ปราศจากมลภาวะที่เป็นพิษ คุณก็สามารถเก็บทรายเป็นด้วยตัวเองได้ ควรจะเก็บทรายในช่วงที่น้ำลงมากที่สุด ใช้มือตักทรายขึ้นมาตรวจสอบดูว่ามีสัตว์อะไรบ้าง และเลือกตักเอาทรายในบริเวณที่มี ความหลากหลายมากที่สุด ควรใช้กล่องที่มีก้นตื้น และใส่น้ำให้สูงประมาณ 1-2 นิ้ว จากพื้นทรายในกล่อง เพื่อให้อ๊อกซิเจนสามารถถ่ายเทได้ อย่าปิดฝากล่องจนกว่าจะจำเป็น และเก็บไว้ในถุงหลายๆชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้อุณภูมิเปลี่ยนแปลงเร็ว
     หลังจากที่ใส่ทรายและน้ำแล้วก็จะต้องใส่แบคทีเรียและ infauna ลงในพื้นทรายด้วยการใส่ทรายเป็นลงไป ทรายเป็นต่างจากทรายธรรมดาทั่วไปตรงที่มันถูกนำมาจากทะเลพร้อมกับน้ำ โดยที่ยังมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่พอสมควร ทรายตายก็คือทรายที่มีขายอยู่ทั่วไป แห้งและปราศจากสิ่งมีชีวิตไดๆทั้งสิ้น ร้านค้าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยนำทรายเป็นมาขาย แต่คุณก็อาจจะนำทรายที่อยู่ในตู้ปลาทะเลอื่นมาใส่แทนได้ มันคงเป็นไปได้ยากที่จะปูพื้นตู้ด้วยทรายเป็นทั้งหมดโดยเฉพาะในตู้ใหญ่ ดังนั้นคุณควรจะใช้ทรายตายก่อน แล้วหาทรายเป็นมาใส่สมทบให้ได้มากที่สุด
ควรจะรอประมาณ 2 - 3 อาทิตย์ก่อนใส่ปลาหรือสัตว์อื่นๆลงในตู้ แต่ยิ่งนานเท่าไรก็ยิ่งดี เพื่อให้ infauna และแบคทีเรียในพื้นทรายขยายจำนวนเพิ่มขึ้น ภายในเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์คุณจะสามารถเห็นฟองอากาศใต้พื้นทรายได้ ซึ่งแปลว่าพื้นทรายกำลังเริ่มทำงาน ภายในหนึ่งเดือน คุณก็จะเริ่มเห็นอุโมงค์ที่หนอนขุดใต้ผิวทราย และจำนวนของแมลงทะเลก็จะเพิ่มขึ้น ควรจะหลีกเลี่ยงการเลี้ยงปลาหรือสัตว์ที่กิน infauna เป็นอาหาร เช่นปลาโกบี้ เพราะมันจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นทรายลดลงและทำให้พื้นทรายมีปัญหา

ปัญหา
     หลายคนมักจะคิดว่าการปูพื้นทรายที่หนาและไม่ใช้แผ่นกรอง จะทำให้เกิดปัญหา ก๊าซ Hydrogen Sulfide ระเหยออกจากทรายและ ทำให้สิ่งสกปรกหมักหมม และจะต้องเลี้ยงปลาโกบี้ไว้กินทรายเพื่อทำให้ทรายสะอาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อที่ผิดก๊าซ Hydrogen Sulfide เป็นก๊าซที่เป็นพิษและมีกลิ่นฉุนมาก (ยิ่งกว่าไข่เน่า) มันจะเกิดขึ้นในส่วนที่ลึกที่สุดในพื้นทราย แต่จะไม่ระเหยขึ้นมาและทำอันตรายต่อสัตว์ในตู้ ถ้าหากมันระเหยออกมาจริงแม้จะในปริมาณน้อย คุณจะต้องได้กลิ่นในทันที และถ้ากลิ่นของก๊าซไม่ทำให้คุณสลบก็แปลว่ามันไม่ได้อยู่ในระดับที่เป็นอันตราย และตู้ปลาของคุณก็จะปลอดภัยในตู้ที่มีพื้นทรายที่อุดมสมบูรณ์ อาจจะมีฝุ่นและตะกอนสะสมอยู่บ้างบนพื้นทรายซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งมีชีวิตในทรายจะกินสิ่งปฎิกูลเหล่านี้เป็นอาหาร การเลี้ยงปลาโกบี้ไว้ทำความสะอาดทรายจะทำให้ infauna ในทรายตายลงทำให้พื้นทรายเสื่อมสภาพ และจะเกิดปัญหาอื่นๆตามมาปัญหาอย่างเดียวที่จะเกิดขึ้นกับพื้นทรายที่สมบูรณ์ ก็คือความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตจะลดลง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะปริมาณของทรายในตู้นั้นน้อยเกินไปสำหรับการดำรงชีวิตของสัตว์บางชนิด ทำให้จำนวนของมันลดลงเรื่อยๆ แต่ปัญหานี้ก็แก้ได้ด้วยการเพิ่มทรายเป็นลงในตู้ (ประมาณปีละครั้ง) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตต่างๆในพื้นทราย
 
โดย Dr. Ronald Shimek
เครดิต คุณ SCALE
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/09/12, [01:19:25] โดย TRANSFORMERS »
jamprince ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #1 เมื่อ: 10/09/12, [17:13:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แจ๋วเลย [เจ๋ง]
pscom054 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #2 เมื่อ: 10/09/12, [19:43:02] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [เจ๋ง]
Ten-Ten ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #3 เมื่อ: 14/09/12, [00:21:23] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สุดท้ายผมก็คงต้องหาทรายมาไว้ในตู้ซะแล้ว [on_007]
ggthai ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #4 เมื่อ: 14/09/12, [01:42:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สุดท้ายผมก็คงต้องหาทรายมาไว้ในตู้ซะแล้ว [on_007]
ระยะยาวเสียวอ่ะครับ ้hahaha
Ten-Ten ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #5 เมื่อ: 14/09/12, [09:08:42] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ระยะยาวเสียวอ่ะครับ ้hahaha

ตู้ผมบางไปใช่ป่าวครับ คิดอยู่เหมือนกันเลย [on_007]
AaA๐IMSR ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #6 เมื่อ: 14/09/12, [12:20:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สรุปคือว่ามันจะดีหรือเสียอย่างไรอ่ะครับ
Out Layer ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #7 เมื่อ: 14/09/12, [19:39:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างข้อดีกะข้อเสียอันไหนเยอะกว่ากันนะครับ แต่ลองนึกถึงธรรมชาติดูว่าในทะเลมานต้องมีทรายยยย ้hahaha ้hahaha ้hahaha [on_026] [on_026] [on_026] ทรายมันอาจจะมีพวกตะกอนหรืออะไรเป็นของธรรมดา แต่ใต้ทรายมันมีแบททีเรียทำหน้าที่คอยย่อยสลายอยู่เเล้วคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14/09/12, [19:42:04] โดย TRANSFORMERS »
Koolnio ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #8 เมื่อ: 14/09/12, [20:08:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ต้อง 4 นิ้วเลยเหรอ
ตู้ 24 ผมลงแค่ 2 นิ้วก็คิดว่าเยอะแล้วน้า 4 นิ้วคงไม่ไหว
Mixzer ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #9 เมื่อ: 14/09/12, [22:12:45] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 จริงๆ แล้ว ถ้าจะใช้ทรายเป็นระบบกรอง ต้องสูงประมาณ 4-6 นิ้วเลยครับ เพื่อให้เกิดพื้นที่ในส่วนของสภาพไร้ออกซิเจน เพราะแบคทีเรียทำงานสองระบบ

 แต่ในปัจจุบันระบบแบบนี้เราไม่ค่อยนิยมแล้ว เพราะเมื่อนานไปทรายจะเป็นสีดำ และดูสกปรก
พื้นทรายด้านล่างจะมีกลิ่นเหม็น ไม่ใช่จากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อย่างเดียว มาจากการหมักหมมอื่นๆ

 ส่วนเรื่องปัญหาของแก๊ส hydrogen sulfide (H2S) ที่จะระเบิดออกมา ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลจริงอย่างที่บทความบอกไว้ แต่เรากังวลเรื่อง

ของการสะสมฟองอากาศภายใต้พื้นทรายมากกว่า การที่มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงไนไตร์และไนเตรทจะเกิดก๊าซไนโตรเจนขึ้น ซึ่งปกติมันจะเป็นฟองอากาศเม็ดเล็กๆลัดเลาะออกไปตามความพุนของเม็ดทราย แต่ในกรณ๊ที่อยู่ลึกและทรายแน่น ก็จะทำให้เกิดการ
สะสมของฟองอากาศเหล่านี้จนมันมีขนาดที่จะดันตัวเองออกมา สิ่งที่ออกมาด้วยคือพวกตะกอนสกปรกที่หมักอยู่ในพื้นทรายด้านล่าง ก็จะค่อยๆออกมาทำให้ตู้สกปรก อาจจะไม่ได้มีผลในทีเดียว แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ เข้าก็งานเข้าได้เหมือนกันครับ

 ในปัจจุบันนี้มีการใช้ระบบกรองล่าง หินเป็น และ อุปกรณ์ พวกโปรตีนสกิมเมอร์ หรือพวกอุปกรณ์รีมูฟต่างๆ มาช่วยในระบบการบำบัดน้ำแล้ว การใช้ทรายหนาๆ แบบนั้น จึงไม่เป็นที่นิยมแล้วครับ เพียงแต่เอามาใช้แต่บางๆ พอสวยงามและเพื่อนให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ อาศัยอยู่ เพื่อให้มีองค์ประกอบต่างๆ ตามธรรมชาติที่ครบถ้วน แค่นั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18/09/12, [12:51:03] โดย Romeo_Pop »
ggthai ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #10 เมื่อ: 15/09/12, [02:34:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

จริงๆ แล้ว ถ้าจะใช้ทรายเป็นระบบกรอง ต้องสูงประมาณ 4-6 นิ้วเลยครับ เพื่อให้เกิดพื้นที่ในส่วนของสภาพไร้ออกซิเจน เพราะแบคทีเรียทำงานสองระบบ

 แต่ในปัจจุบันระบบแบบนี้เราไม่ค่อยนิยมแล้ว เพราะเมื่อนานไปทรายจะเป็นสีดำ และดูสกปรก
พื้นทรายด้านล่างจะมีกลิ่นเหม็น ไม่ใช่จากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อย่างเดียว มาจากการหมักหมมอื่นๆ

 ส่วนเรื่องปัญหาของแก๊สHydrogen Sulfide ที่จะระเบิดออกมา ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลจริงอย่างที่บทความบอกไว้ แต่เรากังวลเรื่อง

ของการสะสมฟองอากาศภายใต้พื้นทรายมากกว่า การที่มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงไนไตร์และไนเตรทจะเกิดก๊าซไนโตรเจนขึ้น ซึ่งปกติมันจะเป็นฟองอากาศเม็ดเล็กๆลัดเลาะออกไปตามความพุนของเม็ดทราย แต่ในกรณ๊ที่อยู่ลึกและทรายแน่น ก็จะทำให้เกิดการ
สะสมของฟองอากาศเหล่านี้จนมันมีขนาดที่จะดันตัวเองออกมา สิ่งที่ออกมาด้วยคือพวกตะกอนสกปรกที่หมักอยู่ในพื้นทรายด้านล่าง ก็จะค่อยๆออกมาทำให้ตู้สกปรก อาจจะไม่ได้มีผลในทีเดียว แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ เข้าก็งานเข้าได้เหมือนกันครับ

 ในปัจจุบันนี้มีการใช้ระบบกรองล่าง หินเป็น และ อุปกรณ์ พวกโปรตีนสกิมเมอร์ หรือพวกอุปกรณ์รีมูฟต่างๆ มาช่วยในระบบการบำบัดน้ำแล้ว การใช้ทรายหนาๆ แบบนั้น จึงไม่เป็นที่นิยมแล้วครับ เพียงแต่เอามาใช้แต่บางๆ พอสวยงามและเพื่อนให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ อาศัยอยู่ เพื่อให้มีองค์ประกอบต่างๆ ตามธรรมชาติที่ครบถ้วน แค่นั้นเอง
ชัดเจนกันเลยทีเดียวครับพี่
[เจ๋ง]
gatha ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #11 เมื่อ: 15/09/12, [07:30:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ได้ประโยชน์เยอะเลย
Out Layer ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #12 เมื่อ: 15/09/12, [20:57:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณทุกความเห็นนะครับที่เอามาแชร์กัน เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้อยากเลี้ยงมือใหม่ต่อๆไปครับ มีไรก็แชร์ๆกันไปครับ เพื่อคนรักตู้ทะเลเหมือนๆกัน [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง] [เจ๋ง]
Axaravut ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #13 เมื่อ: 18/09/12, [08:37:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

... ขอเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคน ...
... ขอบคุณครับ ...
บัง! ออฟไลน์
in Wonderland
« ตอบ #14 เมื่อ: 18/09/12, [08:54:05] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แต่ในปัจจุบันระบบแบบนี้เราไม่ค่อยนิยมแล้ว เพราะเมื่อนานไปทรายจะเป็นสีดำ และดูสกปรก
พื้นทรายด้านล่างจะมีกลิ่นเหม็น ไม่ใช่จากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อย่างเดียว มาจากการหมักหมมอื่นๆ

จานมิกครับ ผิดป่ะครับ H2O2 เนี่ยนะ  [หืมม์?]
Axaravut ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #15 เมื่อ: 18/09/12, [12:05:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

... เพิ่งสังเกตเห็นเหมือนกัน ... น่าจะเป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) หรือแก๊สไข่เน่ามากกว่ามั้งครับ ...
... เท่าที่ผมอ่านตามกระทู้ต่างๆยังไม่เห็นใครกล่าวถึงการเกิดเปอร์อ๊อกไซด์ไอออนกันเลย ...
... แล้วก็ยังไม่เห็นมีใครเขียนถึงผลกระทบของเปอร์อ๊อกไซด์ไอออนในน้ำทะเลเลย ...
Romeo_Pop ออฟไลน์
Level 5 Moderator
« ตอบ #16 เมื่อ: 18/09/12, [12:52:58] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แก้ให้ล่ะเป็น hydrogen sulfide (H2S) เจ้าตัวฝากแก้มาจากเมืองไกล
sugar88 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #17 เมื่อ: 05/01/13, [21:32:49] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ตามอ่านครับ
ppppure ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #18 เมื่อ: 06/01/13, [10:52:16] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แล้วถ้าผมปูทรายหนาๆไว้ในกรองล่างช่องสุดท้ายก่อนเข้าปั้มล่ะครับจะเป็นผลดีไหมครับ สิ่งหมักหมมจะยังมีอยู่ไหมครับเพราะช่องนั้นเป็นช่องที่น้ำถูกบำบัดทุกขั้นตอนแล้ว
+Panda+ ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #19 เมื่อ: 06/01/13, [22:55:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แหล่มครับ
 [on_066]
naster_A88 ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #20 เมื่อ: 07/01/13, [23:54:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

 [on_066] ได้ความรู้เพิ่มอีก
hilander ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #21 เมื่อ: 26/05/13, [21:13:52] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมไปอยู่ต่างประเทศ ไปอยู่บ้านคนที่เลี้ยงปลาทะเล มาเป็นสิบปี

เค้ามีกรองล่าง ระบบทุกอย่างเหมือนบ้านเรา. ทั้งสกินเมอร์สูงร่วมสองเมตร ยูวี ต่างๆนาๆ

เป็นตู้ประการังกับปลา ตู้นี้ปูทราย5-6นิ้ว ความยาวตู้สองเมตร กรองล่างจำไม่ได้

ประการังอ่อน นิ้วมือ ไข่ปลาหมึก อีกหลากหลายชนิดสามารถเกิดได้เองในระบบปิด

เค้าขายและแบ่งประการังน้อยให้แก่เพื่อนฝูงและลูกค้า

ส่วรกรองล่างมีสาหร่าย มีช่องประการัง และเศษประการังอีกช่อง

เคล็ดลับเค้าจะเปลี่ยนน้ำแค่อาทิตย์ละ 30ลิตรเป็นประจำ

รักษาอุณหภูมิ ระบบนิ่งมาก

ประการังเขากวาง กัลปังหา เขาเลี้ยงรอดอะ ตอนนั้นผมเพิ่งเลี้ยงปลาทะเลแค่สี่ปีเอง

ตอนนี้สิบห้าปีแล้ว
Nava Coral Reef ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #22 เมื่อ: 27/05/13, [14:00:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรียนถามสักนิดครับ ผมมือใหม่ครับ ผมใช้ทรายรองก้นตู้ตั้งแต่แรก แต่ไม่รู้ว่าผมซื้อทรายมาผิดหรือเปล่าคือมันละเอียดมากๆเลยครับ (ถ้าเอามือไปแตะโดนนิดเดียวมันจะฟุ้งเป็นเหมือนฝุ่นเลย) ควรเปลี่ยนหรือพอจะใช้ต่อไปได้ครับ   [on_005]
kreangrit ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #23 เมื่อ: 28/05/13, [14:10:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เรียนถามสักนิดครับ ผมมือใหม่ครับ ผมใช้ทรายรองก้นตู้ตั้งแต่แรก แต่ไม่รู้ว่าผมซื้อทรายมาผิดหรือเปล่าคือมันละเอียดมากๆเลยครับ (ถ้าเอามือไปแตะโดนนิดเดียวมันจะฟุ้งเป็นเหมือนฝุ่นเลย) ควรเปลี่ยนหรือพอจะใช้ต่อไปได้ครับ   [on_005]

แรกๆผมก็เป็นเหมือนกันครับ  นานๆเข้าก็หายฟุ้งเองครับ  แต่จะเหลือทรายที่หยาบกว่า  เพราะทรายละเอียดๆมันไปอยู่ที่ผ้ากรองซะหมด ้hahaha [on_026] [on_026]
Nava Coral Reef ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #24 เมื่อ: 28/05/13, [16:04:00] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แรกๆผมก็เป็นเหมือนกันครับ  นานๆเข้าก็หายฟุ้งเองครับ  แต่จะเหลือทรายที่หยาบกว่า  เพราะทรายละเอียดๆมันไปอยู่ที่ผ้ากรองซะหมด ้hahaha [on_026] [on_026]

โอ้ว ขอบคุณครับ  idea1
ppppure ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #25 เมื่อ: 29/05/13, [16:12:55] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แล้วถ้าผมปูทรายหนาๆไว้ในกรองล่างช่องสุดท้ายก่อนเข้าปั้มล่ะครับจะเป็นผลดีไหมครับ สิ่งหมักหมมจะยังมีอยู่ไหมครับเพราะช่องนั้นเป็นช่องที่น้ำถูกบำบัดทุกขั้นตอนแล้ว
พี่ๆพอทราบมั้ยค้าบบ ผมกำลังจะหาทรายมาลงช่องสุดท้ายพอดีีอ่าคับ
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: