
ยินดีต้อนรับสู่เว็บแมงกะพรุนน้ำจืดของผม(ดอกเตอร์เทอรี่ เพียด)(www.freshwaterjellyfish.org)เว็บก่อนหน้านี้คือ (www.jellyfish.iup.edu.) ที่เว็บนี้คุณจะได้ข้อมูลจำนวนมาก รวมทั้งการแพร่กระจาย ประวัติธรรมชาติ วงจรชีวิตและงานวิจัยใหม่ๆเกี่ยวกับแมงกะพรุนน้ำจืด ทั้งยังมีรูปและวีดีโอที่จะช่วยยืนยันว่าสิ่งที่คุณเห็นที่สระน้ำ ทะเลสาบ และช่วยให้คุณมั่นใจเพิ่มขึ้นว่านั่นคือแมงกะพรุนน้ำจืดจริงๆ! เว็บนี้อัพเดตเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง “หน้าแมงกะพรุน”ซึ่งจะอัพเดตข้อมูลเกือบทุกวัน
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือด้านรูปภาพ วีดีโอ และการหาข้อมูลสำหรับเว็บนี้ กรุณาอย่าลังเลที่จะติดต่อผมถ้าคุณมีคำถามเพิ่มเติม เทอร์รี่ อีเมล์: tpeard1700@comcast.net
อัพเดตล่าสุด8/14/12
2
มันมีสัตว์อย่างแมงกะพรุนน้ำจืดด้วยเหรอ? ใฃ่แต่...มันไม่ใช่แมงกะพรุนจริงๆอย่างญาติของมันที่อยู่ในทะเล แมงกะพรุนน้ำจืดแตกต่างเล็กน้อยกับแมงกะพรุนทะเล Craspedacusta sowerbiiเป็นชื่อวิทยาศาสตร์สำหรับแมงกะพรุนน้ำจืด ข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากแมงกะพรุนทะเลคืออวัยวะที่เรียกว่าเวลัมที่ใต้ขอบร่ม เป็นหนังบางๆยื่นออกมาจากใต้ขอบร่ม(ยื่นออกมาจากวงแหวน) เมนูเบรียม(ปาก)ยื่นผ่านช่างเปิดของเวลัม ซึ่งเวลัมช่วยแยก C. sowerbiiออกจากแมงกะพรุนแท้ อย่างไรก็ตามเนื่องจาก C. sowerbiiมองดูคล้ายแมงกะพรุนเราเลยเรียกมันว่าแมงกะพรุน! C. sowerbii อยู่ในชั้นไฮโดรซัวซึ่งร่วมชั้นกับไฮดร้าทั่วไป
3
แมงกะพรุนน้ำจืดมีลักษณะอย่างไร

4
แมงกะพรุนน้ำจืดอาศัยอยู่ที่ไหน แมงกะพรุนC. Sowerbiiพบบ่อยที่สุดในทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ บ่อน้ำ บ่อน้ำที่พื้นเต็มไปด้วยหินหรือกรวด บ่อหิน และยังอาจพบได้ในบ่อตกปลาหรือหรือสระที่ใช้พายเรือเล่นอีกด้วย ลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่อย่างเช่นแม่น้ำแอล โอไฮโอ เฮนเนสซี่ แมงกะพรุน้ำจืดชอบน้ำนิ่งมากกว่าน้ำไหล ดังนั้นจึงมักไม่พบมันในลำธารหรือแม่น้ำที่น้ำไหลแรง
5
แมงกะพรุนน้ำจืดกินอะไร
แมงกะพรุน C. sowerbiiกินแพลงค์ตอนสัตว์ขนาดเล็กที่พบทั่วไปในน้ำ
6
เมื่อไหร่จะเห็นแมงกะพรุนน้ำจืด โดยปกติจะเป็นตอนปลายหน้าร้อน เดือนสิงหาคมถึงกันยายนจะเป็นเดือนที่พบแมงกะพรุนน้ำจืดได้ชุกชุมที่สุด ในเพนซิลเวเนียเมื่อทะเลสาบอุ่นและมีอาหารอุดมสมบูรณ์ แมงกะพรุนน้ำจืดจะลอยหรือว่ายน้ำอย่างช้าๆบนผิวน้ำ ซึ่งจะเห็นตัวมันได้ง่ายๆด้วยตาเปล่า มันมักจะปรากฏตัวเป็นจำนวนมากหรือที่เรียกว่า”พรึ่บ” และวันที่แดดจ้าจะเป็นวันที่ดีเป็นพิเศษที่จะมองหามัน
7
แมงกะพรุนน้ำจืดจะต่อยคนมั๊ย
มันขึ้นอยู่กับ..เอ่อ เหมือนแมงกะพรุนแท้มันมีเซลล์ที่ใช้ต่อย(cnidocytes) กลไกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อหาอาหาร โดยทำให้สัตว์ไร้กระดูกสันหลังหรือปลาขนาดเล็กเป็นอัมพาต อย่างไรก็ตามเราไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นว่าอวัยวะเหล่านี้สามารถเจาะทะลุผิวหนังของมนุษย์(แม้ว่าบางคนจะพูดเป็นอย่างอื่น)
8
การวิจัย Craspedacusta sowerbii ที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าที่เพนซิลเวเนีย เทอรี่ แวทคินส์

การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศถูกเชื่อว่าเป็นวิธีหลักของการสืบพันธุ์ เป็นตัวช่วยให้โคโลนี่โพลิปของประชากรCraspedacusta sowerbii แพร่กระจายและอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการตั้งถิ่นฐานของตัวอ่อน C. sowerbiiและปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่กระจายยังน้อยมาก โคโลนี่โพลิปของC. Sowerbiiสะสมพลังงานและรวบรวมวัตถุดิบจากอาหารไปสู่ตัวอ่อนที่ไม่อาศัยเพศ(ฟรัสทูล)ซึ่งต้องเดินทางออกไปเป็นระยะทางไกล ดังนั้นถ้าโพลิปกินมากขึ้นอาจคิดได้ว่าเพื่อเพิ่มพลังงานสะสมที่จะต้องจัดสรรไปให้ฟรัสทูล
โคโลนี่ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม4กลุ่มในการให้อาหาร จากมากสุดไปหาน้อยสุดแล้วฟรัสทูลของพวกมันจะถูกสังเกตและตำแหน่งภายใน1ชั่วโมงจากเวลาที่ถูกปลดปล่อยจากโคโลนี่เดิมถึงจุดที่ตั้งโคโลนี่ใหม่จะถูกบันทึกไว้ ระยะในการเดินทางบนเส้นทางที่กระจัดกระจาย(ระยะทั้งหมด),ระยะเส้นตรงที่สั้นที่สุดจากจุดตั้งต้นถึงจุดที่ตั้งโพลิปใหม่(ระยะที่แท้จริง) และระยะเส้นตรงนี้คำนวนจากจุดที่กระจายกันทั้งหมด
ฟรัสทูลที่ถูกปล่อยจากโคโลนี่ที่ให้อาหารมากที่สุดเดินทางได้ระยะทางมากกว่าฟรัสทูลที่ให้อาหารน้อยที่สุด(p<0.05)ค่าเฉลี่ยระยะทางของกลุ่มที่ให้อาหารมากที่สุดคือ71 +/- 12.35mm. (mean +/- 1 s.d.)ขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ให้อาหารน้อยที่สุดคือ45.1 +/-16.49 mm ระยะทางที่แท้จริงไม่ได้แตกต่างกันแม้จะให้อาหารต่างกัน ระยะทางทั้งหมดกับระยะทางแท้จริงค่อนข้างสัมพันธุ์กันอย่างแน่ชัด(r = 0.445, p = 0.056).
ผลการทดลองเผยเป็นนัยว่าฟรัสทูลที่ถูกปล่อยจากโคโลนี่ที่ให้อาหารมากที่สุดมีความเป็นไปได้ที่จะแพร่กระจายจากโคโลนี่เดิมได้ไกลกว่า(เดินทางได้ไกลกว่า) อย่างไรก็ตามระยะทางในการตั้งโพลิปใหม่ที่ถูกบันทึกไม่ได้สะท้อนความเป็นไปได้นี้(การกินไม่มีผลกับระยะทางในการตั้งถิ่นฐานใหม่) ปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยในการสังเกตผล รวมทั้งจุดที่สั้นที่สุดของเส้นทางที่กระจัดกระจาย ความเป็นไปได้ในการมีอยู่ของสารเคมีที่เป็นตัวชักนำให้ตั้งโพลิปใหม่ และการขาดลักษณะที่จะแบ่งแยกระหว่างกลุ่มในการให้อาหารทั้งหมดนี้เนื่องจากเวลาในการผลิตตัวอ่อนที่สั้น
9การวิจัย Craspedacusta sowerbii ที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าที่เพนซิลเวเนีย จอย รูเพิร์ต

รูปข้างบนแสดงการวิจัยเคมีในน้ำที่สถานที่จริงของจอยเพื่อวิทยานิพนธ์ของเธอ ข้อความต่อไปนี้มาจากวิทยานิพนธ์ของจอย การพรรณนาถิ่นที่อยู่อาศัยของเมดูซ่าน้ำจืด(Craspedacusta sowerbii)
เมดูซ่าน้ำจืด(Craspedacusta sowerbii)ไม่ใช่สายพันธุ์ที่หายากในที่ลุ่มน้ำเพนซิลวาเนีย อย่างน้อย95เปอร์เซ็นต์ของพื้นน้ำในเพนซิลเวเนียได้เป็นที่อยู่อาศัยของสายพันธุนี้ แต่ถึงแม้ว่า C. sowerbiiis จะไม่ใช่สายพันธุ์ที่หายากในเพนซิลเวเนียแต่มันก็ปรากฏตัวในพื้นน้ำแถบนี้เป็นครั้งคราวอย่างบางตามาก การปรากฏตัวเป็นครั้งคราวนี้อาจเนื่องมาจากสารเคมีหรือคุณสมบัติทางกายภาพของพื้นน้ำแถบนี้ จุดประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อระบุปัจจัยกำหนดทางเคมีและกายภาพที่มีส่วนกำหนดในการปรากฏของ C. sowerbii medusa
โดยการรวบรวมตัวอย่างจากพื้นน้ำแถบที่ได้เป็นที่อยู่อาศัยของ C. sowerbii เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับตัวอย่างจากที่ที่ไม่มีข้อมูลว่ามี C. sowerbii อาศัยอยู่ การวิเคราะห์ปัจจัยบ่งชี้แสดงว่าสถานที่ที่มีเมดูซ่า อาจทำนายล่วงหน้าโดยใช้การวัดปัจจัยกำหนดซึ่งมีความแม่นยำ97.37เปอร์เซนต์ ซึ่งมันบอกให้รู้ว่าประชากรเมดูซ่าอาจแพร่ไปในพื้นน้ำที่มีลักษณะเฉพาะที่เหมาะสม จากการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆทีละขั้น คลอไรด์เป็นองค์ประกอบทีสำคัญที่สุดในการวินิจฉัยที่ๆมีหรือไม่มีเมดูซ่า สถานที่ที่มีเมดูซ่าในการศึกษาครั้งนี้มีระดับของคลอไรด์ต่ำกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ(t = -3.73, p = 0.000)เมื่อเทียบกับสถานที่ที่ไม่มีเมดูซ่า
จากผลนี้ยังไม่อาจสรุปทันทีว่า C. sowerbii เป็นสัตว์น้ำกระด้าง ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญถูกพบระหว่างค่าเฉลี่ยของความกระด้างทั้งหมด ณ.ที่ๆมีหรือไม่มีเมดูซ่า(t = -0.44, p = 0.659) อย่างไรก็ตามค่าเฉลี่ยทั้งสองที่ของความกระด้างทั้งหมดบ่งชี้ว่าที่ๆมีหรือไม่มีเมดูซ่ามีน้ำที่กระด้างปานกลาง(81.57ส่วนล้านและ92.06ส่วนล้านตามลำดับ) ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้ไม่สามารถยอมรับหรือปฎิเสธข้อสันนิษฐานว่า C. sowerbiiต้องการน้ำกระด้างเพื่อวงจรชีวิตที่สมบูรณ์ของมัน
ผลการศึกษานี้ไม่ได้ชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิกระตุ้นการสร้างเมดูซ่าในที่ศึกษา ในที่ๆมีเมดูซ่าสองแห่งไม่พบความแตกต่างสำคัญระหว่างการวิเคราะห์อุณหภูมิน้ำแห่งแรกเมื่อเปรียบเทียบกับอุณหภูมิน้ำแห่งที่สอง(t = -1.95, p = 0.061) และผลการศึกษานี้ไม่ได้ชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของแพลงค์ตอนทั้งหมดกระตุ้นการสร้างเมดูซ่าในที่ศึกษา ในที่ๆมีเมดูซ่าสองแห่งไม่พบความแตกต่างสำคัญระหว่างการวิเคราะห์จำนวนของแพลงค์ตอนทั้งหมดในหนึ่งลบม.แห่งแรกเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนของแพลงค์ตอนทั้งหมดในหนึ่งลบม.แห่งที่สอง
10
การวิจัย Craspedacusta sowerbii ที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าที่เพนซิลเวเนีย ไมเคิล ทอม

นี้เป็นรายงานของผลของความเข้มข้นของแคลเซี่ยมที่แตกต่างกันและระดับความกระด้างของน้ำที่มีต่อการเติบโตและการสร้างหน่อของไฮโดรโซน(Craspedacusta sowerbii) ได้ทำการแบ่งระดับความเข้มข้นของแคลเซี่ยมออกเป็นสี่ระดับ(น้อย,ปานกลาง,สูง,สูงมาก)ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นของแคลเซี่ยมซัลเฟตดิไฮเดรต ซึ่งไม่ได้ใช้แคลเซียมซัลเฟตในกลุ่มตัวแปรต้น ตัวแปรต้นเพิ่มเติมอีกสองตัวคือซัลเฟตและแคลเซียมคลอไรด์ ความกระด้างของแคลเซียม ความกระด้างและด่างทั้งหมดเช่นเดียวกับความเข้มข้นของซัลเฟตและคลอไรด์จะถูกวัดหลังจากสารละลายเตรียมพร้อมและPHเข้าที่
ในแต่ละระดับความเข้มข้นได้ผสมสารละลาย12จาน ใช้จาน Petriขนาด60x55mm. โดยใส่ C. sowerbiiหนึ่งโพลิปและน้ำที่ผสมเรียบร้อยแล้ว20มล.ต่อหนึ่งจาน ข้อมูลการเติบโตของโพลิปและการสร้างหน่อจะถูกบันทึกเป็นเวลาสิบสองสัปดาห์ และการวิเคราะห์จะใช้ระหว่างภายในสองปัจจัยที่ถูกออกแบบผสม การวัดความแปรปรวนซ้ำ โคโลนี่ที่รอดชีวิตจะถูกวิเคราะห์ด้วย Chi-Squareสองทาง
ผลการทดลองบอกเป็นนัยว่าโพลิปของC. Sowerbiiต้องการแคลเซียมในน้ำที่เพาะมันอยู่สำหรับการปล่อยเข็มพิษ อย่างไรก็ตามผลของความเข้มข้นสูงๆแคลเซียม(และความกระด้างของน้ำ)ต่อระยะไฮดรอยด์ของC. Sowerbii ไม่มีความสำคัญในทางสถิติ การเติบโตของโคโลนี่วัดโดยจำนวนโพลิปต่อโคโลนี่ต่อสัปดาห์ และการสร้างฟรัสทูลไม่ได้รับผลจากความเข้มข้นของแคลเซียม ผลเหล่านี้ชี้ว่าการแพร่กระจายและการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของระยะไฮดรอยด์ของ C. sowerbiiไม่ได้รับผลจากระดับของแคลเซียมหรือความกระด้างของน้ำ แต่โคโลนี่รอดชีวิตและสร้างฟรัสทูลได้มากว่าเมื่อแหล่งของแคลเซี่ยมคือแคลเซียมซัลเฟตดีไฮเดรตมากกว่าแคลเซียมคลอไรด์ แม้ว่าการสร้างเมดูซ่าจะไม่ได้มีความแตกต่างอย่างสำคัญจากระดับของแคลเซี่ยมแต่ในสองระดับของแคลเซียมที่เข้มข้นที่สุดได้สร้างเมดูซ่าออกมามากที่สุด
11
การวิจัย Craspedacusta sowerbii ที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าที่เพนซิลเวเนีย เจสัน แบลร์

12
ประวัติในธรรมชาติของแมงกะพรุนน้ำจืด

การปรากฏตัวของแมงกะพรุนถูกบรรยายว่าเกิดเป็นครั้งคราวและทำนายไม่ได้ โดยมากแมงกะพรุนจะปรากฏตัวในพื้นน้ำในจำนวนมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่เคยถูกรายงานว่ามีมันที่นั่นมาก่อน ปีต่อมามันอาจจะหายไปและอาจไม่ปรากฏตัวอีกเลยจนกระทั่งหลายปีต่อมา และเป็นไปได้อีกด้วยว่ามันจะปรากฏตัวครั้งหนึ่งแล้วไม่ปรากฏตัวในพื้นน้ำที่นั่นอีกเลย
ในฤดูหนาว โพลิปจะเข้าสู่สภาพจำศีลซึ่งมีความสามารถที่จะรอดชีวิตในอุณหภูมิที่หนาวเย็น นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าสภาพจำศีลนี้ซึ่งถูกเรียกว่า podocysts เป็นวิธีหนึ่งในการที่แมงกะพรุนน้ำจืดจะเคลื่อนย้ายจากทะเลสาบหนึ่งไปสู่ทะเลสาบหนึ่ง มันถูกเชื่อว่า podocysts อาจจะถูกเคลื่อนย้ายโดยต้นไม้น้ำ สัตว์น้ำ หรือบางทีเป็นเท้าของนก เมื่อสภาพแวดล้อมเป็นที่ชื่นชอบ podocysts ก็จะพัฒนาไปสู่โพลิปและวงจรชีวิตก็จะถูกสืบต่อไป
ข้อมูลที่มีอยู่เกี่ยวกับ C. sowerbii ยังไม่สมบูรณ์นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าของเพนซิลวาเนียปัจจุบันกำลังศึกษาสัตว์ที่น่าหลงใหลนี้
13
แมงกะพรุนน้ำจืดต่อยมั๊ย ใช่เหมือนแมงกะพรุนแท้มันมีเซลล์พิษ(cnidocytes) กลไกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อหาอาหาร โดยcnidocytesจะถูกใช้เพื่อทำให้สัตว์ที่ไม่มีกระดูกและปลาเล็กๆเป็นอัมพาต มีรายงานแย้งว่าเหล็กในเล็กจิ๋วนี้สามารถทะลุผิวหนังมนุษย์ได้ บางคนรายงานว่าพบแมงกะพรุนและรู้สึกว่าถูกต่อย แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าพวกเขาถูกต่อยจริงๆ(หมายถึงทะลุผิวหนัง)หรือเหล็กในถูกปล่อยออกมาระหว่างที่สัมผัสถูกตัวคนและไปเกาตรงบริเวณที่มีเหล็กในที่ถูกปล่อยออกมาแล้วแพ้หรือไม่ ความรู้สึกที่ถูกรายงานแบ่งได้จากระดับความคัน ไปยังจุดแดง ไปยังอาการระคายเคืองต่างๆ และชาเล็กน้อย แต่คนอื่นๆรายงานว่าถือ หรือว่ายน้ำผ่านพวกมันได้โดยไม่มีอาการอะไร
สมมุติว่าแมงกะพรุนปล่อยเหล็กในของมันเมื่อถูกถือหรือสัมผัส แต่คนทั่วไปไม่รู้สึกอะไรอาจเป็นเพราะความไวต่อพิษของสัตว์ของแต่ละคนแตกต่างกัน ก็เหมือนที่คนทั่วไปที่ถูกพิษจากสัตว์ที่กัดหรือต่อยแล้วมีอาการต่างกัน #
ผมสามารถเอาแมงกะพรุนน้ำจืดไปไว้ในตู้ปลาได้มั๊ย
การดูแลแมงกะพรุนน้ำจืดในตู้ปลาไม่ใช่เรื่องง่าย มันมักจะอยู่ได้แค่วันสองวันหรือเต็มที่ก็สองอาทิตย์ในตู้ปลา ระบบกรองต้องถูกทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่ถูกดูดเข้าไปในเครื่องกรอง แม้กระทั่งเครื่องกรองหัวฟองน้ำก็อาจยึดมันไว้ได้ ปั๊มที่ทำให้เกิดกระแสน้ำที่เพิ่มฟองอากาศค่อนข้างจำเป็น แต่ฟองอากาศก็อาจติดอยู่ในร่มของแมงกะพรุนและลากมันขึ้นสู่ผิวน้ำและแขวนมันไว้ดังนั้นเครื่องปั๊มต้องถูกปรับให้แรงอ่อนลง และต้องจำให้ขึ้นใจว่าแมงกะพรุนเป็นสัตว์มีพิษ มันอาจจะต่อยหรือฆ่าปลาเล็กๆที่อยู่ในตู้เดียวกันได้ เราไม่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงแมงกะพรุนน้ำจืดให้มีชีวิตในตู้ปลา พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเช่น มอนเทอร์เรเบย์ (Monterey Bay) เลี้ยงแมงกะพรุนในถังน้ำทรงกลม (kriesels)ด้วยกระแสหมุนเวียน
#
มีคำแนะนำสำหรับอุณหภูมิ ,ค่าPH, และการให้อาหารสำหรับแมงกะพรุนในที่เลี้ยงมั๊ย และมันสามารถสืบพันธุ์ในที่เลี้ยงมั๊ย อุณหภูมิน้ำควรอยู่ที่20-25องศา และควรให้อาหารเยอะหน่อย แมงกะพรุนต้องการอาหารมีชีวิตอย่างสม่ำเสมอ ควรให้กุ้งทะเลหรือ Daphniaทุกวัน เราไม่สามารถเลี้ยงเมดูซ่าที่ยังไม่โตเต็มวัยให้โตเต็มวัยได้ เราจับเมดูซ่ามาจากธรรมชาติซึ่งภายหลังได้ออกไข่ในตู้ของเรา หลายปีแล้วที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหลายที่ได้ติดต่อเราเพื่อมองหาข้อมูลที่จะเลี้ยงแมงกะพรุนน้ำจืดในที่เลี้ยงแต่จนกระทั่งปัจจุบันไม่มีความพยายามใดประสบความสำเร็จ
#
ตู้ทรงไหน ไฟอะไร และสิ่งแวดล้อมแบบไหน ที่เหมาะสำหรับแมงกะพรุนในที่เลี้ยง
มันดีที่สุดถ้าตู้เป็นทรงกลม (ในแนวนอนหรือแนวตั้ง)เพื่อใม่ให้มันมันชนกับผนังตู้เพราะมันไม่ทนต่อการกระแทกแม้เพียงเล็กน้อย และทำให้น้ำหมุนเวียนเพื่อช่วยแมงกะพรุนในการเคลื่อนไหว ขนาดของตู้ขึ้นอยู่กับจำนวนแมงกะพรุน ถ้าเลี้ยงแมงกะพรุนจำนวนมากในน้ำที่น้อยเกินไปจะทำให้น้ำเน่า มีกฎอยู่ว่าสัตว์ขนาดหนึ่งนิ้วต่อน้ำหนึ่งแกลลอน เราได้ลองหลายขนาดจากสองแกลลอนถึงร้อยแกลลอนซึ่งก็ไม่ได้ให้ผลดีขึ้น ที่คุณต้องคิดก็คือว่าถ้าน้ำมีปริมาณเยอะเกินไปมันก็เสี่ยงที่แมงกะพรุนจะไม่พบตัวของเหยื่อ ส่วนพื้นก็เห็นได้ชัดว่าจะเป็นอะไรก็ได้ กรวด หิน หรือไม่ต้องมีอะไรก็ได้ ต้นไม้น้ำจะสร้างปัญหายกเว้นมันจะถูกกั้นด้วยตาข่ายตาละเอียด
#
จะจับแมงกะพรุนน้ำจืดได้อย่างไร เราใช้ตาข่ายในการจับแมงกะพรุน บางครั้งเราใช้ตาข่ายกว้างตาละเอียดด้ามยาวดัก บางครั้งใช้กระชอนเล็กๆที่ใช้ในตู้ปลาจับขึ้นอยู่ว่าเราทำงานที่ไหน และเวลาที่เรามีในการรวบรวมพวกมัน
#
การปรากฏตัวของแมงกะพรุนน้ำจืดเกี่ยวกับคุณภาพน้ำหรือคุณภาพของการตกปลาในหนองน้ำหรือไม่
จุดนี้เราไม่รู้ แมงกะพรุนน้ำจืดถูกพบในน้ำหลายรูปแบบ ทั้งในบ่อหินที่น้ำใสเป็นแก้วเลยหรือ ในบ่อน้ำในฟาร์มที่เขียวปี๋ การวิจัยเบื้องต้นชี้ว่าน้ำที่มีคลอไรด์สูงไม่เป็นที่ชื่นชอบในการปรากฏตัวของมัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการวิจัยภายหน้าจะตอบคำถามนี้ได้
ส่วนเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดมีผลต่อกระทบต่อการตกปลาเป็นเรื่องยากที่จะตอบ แมงกะพรุนอาจจะมีผลต่อประชากรแพลงค์ตอนที่ปลากิน ด้วยเหตุนี้เลยมีผลต่อการเติบโตของปลา อย่างไรก็ตามมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ขนาดของน้ำ ขนาดของปลา เวลาที่ประชากรปลา แพลงค์ตอน แมงกะพรุนน้ำจืดโตเต็มวัยและมีปฏิกริยาต่อกัน การมีอยู่ของแพลงค์ตอนและอื่นๆ มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือปลากินแมงกะพรุนดังนั้นมันจึงไม่สนใจเหยื่อตกปลา ผมก็ไม่แน่ใจความคิดหลังในเมื่อผมไม่ได้สังเกตุว่าปลากินแมงกะพรุน
#
บอกได้มั๊ยว่าแมงกะพรุนเป็นตัวผู้หรือว่าตัวเมีย
เป็นไปไม่ได้ที่จะระบุเพศจนกว่ามันจะโตเต็มวัยและเผยเซลล์เพศของมันออกมา(gametes) เวลานั้นโกแนดจะแตกต่างกันเล็กน้อย และสามารถเห็นการปล่อยไข่หรือสเปิร์ม ก่อนระยะนี้อาจระบุเพศเมดูซ่าได้ด้วยการตัดปลายเนื้อเยื่อของโกแนด และนำไปดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งการพัฒนาของไข่หรือสเปิร์มอาจถูกตรวจพบขึ้นอยู่กับขั้นตอนการพัฒนาการของมัน และสภาวะการโตเต็มวัยของการพัฒนาเซลล์เพศในโกแนด
#
แมงกะพรุนน้ำจืดเป็นอันตรายต่อปลาเล็กหรือไม่
ใช่ถ้าปลาเล็กไปปะทะเข้ากับมัน เราได้ปล่อยปลาเหยื่อขนาดเล็กสามสี่ตัวเข้าไปในตู้ที่มีแมงกะพรุนและบางตัวได้ตายลงหลังจากถูกต่อย
#
ปลากินแมงกะพรุนน้ำจืดมั๊ย
ปลาใหญ่บางชนิดอาจกินมัน แม้ว่าเราไม่มีหลักฐานโดยตรงแต่เรารู้ว่ามันอาจถูกกุ้งเครย์ฟิชหรือเต่ากิน
#
แมงกะพรุนน้ำจืดเข้ามาในสระได้ยังไง
มันสามารถเข้ามาในสระได้หลายทาง ยกตัวอย่างว่ามันอาจเจ้ามาในระยะโพลิปโดยติดมากับต้นไม้น้ำ ต้นไม้น้ำถูกเอาเข้ามาโดยนก การชักนำเข้ามาโดยเรือโดยติดมากับก้นเรือ ไซดักปลาของชาวประมง มันอาจเข้ามาในรูปของเมดูซ่าโดยติดมากับอับเฉาเรืออีกด้วย น้ำในไซ หรือถูกน้ำท่วมพัดมาจากที่อื่น
#
แมงกะพรุนน้ำจืดมีศัตรูทางธรรมชาติหรือไม่
ศัตรูทางธรรมชาติของมันคือกุ้งเครย์ฟิช เต่าและห่าน หรือปลาใหญ่ก็มีความเป็นไปได้
#
มีบันทึกว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะรักษาตัวอย่างสำหรับการวิเคราะห์DNA คือแช่ในแอลกอฮอล์เข้มข้น70% แต่จริงๆแล้ววิธีที่ดีที่สุดคืออะไร
แช่ในฟอมาลดีไฮด์เข้มข้น10%
#
ที่ไหนหรืออะไรเป็นที่แหล่งกำเนิดของแมงกะพรุนน้ำจืด
ความคิดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของแมงกะพรุนน้ำจืดแบ่งออกเป็นสองฝ่าย หนึ่งคือต้นกำเนิดของมันอยู่ทางเหนือของลุ่มน้ำแยงซีของประเทศจีน ที่ซึ่งประชากรของมันยังพบอยู่จนทุกวันนี้ แล้วพวกมันก็ถูกค้นพบที่สระน้ำวอเตอร์ลิลลี่ที่รีเจนท์ปาร์ค ในลอนดอนในปลายศตวรรษที่18 ซึ่งพอจะสันนิษฐานได้ว่ามันไปถึงที่นั่นได้ด้วยการติดไปกับต้นไม้ที่นำเข้า ไม่มีการระบุอย่างเจาะจงทางวรรณคดีว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้จากทั้งจีนหรือลอนดอนสามารถเข้าสู่อเมริกาได้ด้วยวิธีไหน แต่เล่ากันอีกอย่างว่าพบในทางวรรณคดีว่าแหล่งกำเนิดของมันอยู่ที่อเมริกาใต้และเปิดทางเข้าไปสู่อเมริกาโดยการโดยสารอยู่ในอับเฉาเรือตามเวลาเดียวกันคือปลายศตวรรษที่18 โพลิปถูกค้นพบในลำธารทาโคนี่ ใกล้ๆกับฟิลาเดลเฟีย ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาบันทึกเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีอยู่อย่างประปรายเท่านั้นในสหรัฐอเมริกาถึงแม้ว่าเราจะมองหาข้อมูลจากหลายรัฐ(บางทีอาจนำไปสู่การเชื่อว่ามันหายาก)
#
มีความเกี่ยวพันระหว่างสภาพอากาศและปรากฏการณ์ “Bloom” หรือไม่
ถึงแม้ว่าเราไม่มีข้อมูลที่จะรองรับเรื่องนี้ ฉันอาจจะสันนิษฐานว่าถ้ามีความเกี่ยวพันระหว่างสภาพอากาศและปรากฏการณ์”Bloom” มันเป็นเพราะผลของความเหมาะสมของแพลงค์ตอนสัตว์ โพลิปจึงสร้างหน่อของเมดูซ่าใหม่ และมันใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งสำหรับเมดูซ่าที่จะโตเต็มวัยหลังจากมันถูกสร้าง ดังนั้นถ้าสภาพอากาศมีผลดูเหมือนว่ามันจะต้องเกิดก่อนเป็นเดือนหรือมากกว่าเพื่อที่จะมองหาปรากฏการณ์ “Bloom”
#
คิดกันว่าภาวะจำศีลเป็นลักษณะร่วมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพวก Hydrozoans ดังนั้น C. sowerbiiค่อยๆพัฒนาระยะจำศีลแยกออกมาจากไฮดร้าใช่มั๊ย ? podocyst multicellularแคปซูล ถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบของ Hydroidomedusa (กลุ่มหลักของHydrozoa)
#
สภาวะจำศีลมีขนาดและรูปร่างอย่างไร มันปรับตัวออกมาให้มีรูปร่างอย่างไร เป็นก้อนแข็งหรือเป็นตะขอ
สภาวะจำศีลมีลัษณะเป็นทรงกลม ค่อนข้างแบนไม่ได้เป็นตะขอหรือก้อนแข็งๆ(ดูเหมือนเพื่อให้เหมาะสมที่จะยึดเกาะกับพื้นผิว)สีค่อนข้างขาวหรือเหลือง และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งมิลลิเมตร
#
มันมีเคสที่ทำให้ทราบว่า hydrozoan ในสภาวะจำศีลถูกกระตุ้นให้ฟื้นจากภายในลำไส้เล็กของสัตว์มั๊ย?
ผมไม่รู้ว่ามีเคสที่ hydrozoan ในสภาวะจำศีลได้ถูกกระตุ้นให้ฟื้นจากภายในลำไส้เล็กของสัตว์
#
แมงกะพรุนน้ำจืดมีผลกระทบอย่างไรต่อเรา และเรามีผลกระทบอย่างไรต่อมัน
แมงกะพรุนน้ำจืดกินจุลชีพในท้องน้ำ ดังนั้นมันต้องแข่งขันกับสัตว์อื่นที่กินจุลชีพเช่นกันนี่อาจมีผลกระทบต่อประชากรปลาในท้องน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประชากรแมงกะพรุนน้ำจืดจำนวนมหาศาลถูกสร้างขึ้น แต่วันนี้ยังไม่มีการวิจัยที่เป็นหลักฐานที่จะรองรับหรือปฏิเสธความคิดนี้
ผลจากเราที่มีต่อแมงกะพรุนน้ำจืดยังไม่รู้ เพราะเราพบมันในน้ำบริสุทธิ์พอๆกับน้ำที่มีมลภาวะอย่างหนัก เราได้ศึกษาปัจจัยทางเคมีและกายภาพของน้ำเกินยี่สิบชนิดในสถานที่ ที่รู้ว่ามีแมงกะพรุนอยู่หกโหลทั่วเพนซิลเวเนียเราพบว่าสิ่งที่มีผลกระทบอย่างสำคัญต่อการมีอยู่ของมันคือระดับของคลอไรด์ในน้ำเท่านั้น
#
แมงกะพรุนน้ำจืดจับเหยื่อได้อย่างไร
หนวดของมันมีเซลล์พิษหลายพันปกคลุมอยู่ เมื่อสัตว์ที่เล็กกว่าไปโดนเข้าจะถูกต่อยและกลายเป็นอัมพาต และห้อยติดอยู่กับหนวดนั้นแล้วแมงกะพรุนก็จะแกว่งหนวดเพื่อที่จะส่งมันเข้าปากที่อยู่ข้างใต้กลางตัว แล้วร่ม(ลำตัวของมัน)โดยการบีบตัวหลายครั้งก็จะส่งเหยื่อผ่านปากเข้าไปสู่กระเพาะ
#
แมงกะพรุนน้ำจืด(C. sowerbii)หายากใช่มั๊ย?

มันเป็นความคิดที่ผิดซึ่งเรามักพบเอกสารหรือรายงานที่แพร่หลายว่า(C. sowerbii)หายาก จริงๆแล้วมันถูกพบทุกทวีปยกเว้นแอนทาร์คทิก้าเท่านั้น ตามที่คุณเห็นจากแผนที่ของเรา มันถูกพบทุกรัฐ ในเพนซิลเวเนียมันถูกรายงานในห้าสิบจากหกสิบรัฐของเรา ซึ่งสิ่งที่เป็นจริงก็คือมันปรากฏเพียงครั้งคราวและคาดเดาไม่ได้ เราเพิ่งจะถอดรหัสพันธุกรรมของมันจากตัวอย่างทั่วสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศบางประเทศด้วย ซึ่งเสียเวลาเปล่าเราไม่พบความแตกต่างจากทุกสถานที่ว่าจะมีสายพันธุ์อื่น
#
คุณรวบรวมข้อมูลมาจากฐานข้อมูลไหน
ฐานข้อมูลถูกเริ่มต้นโดยการสำรวจส่วนหนึ่งของเพนซิลเวเนียจากการอนุญาติของ PA FishและBoat Commissionและจากที่นั่นเราได้รวบรวมข้อมูลจากส่วนอื่นของสหรัฐอเมริกาและส่วนอื่นของโลก เราเพิ่มข้อมูลอย่างต่อเนื่องจากบุคคลทั่วไปที่พบแมงกะพรุนน้ำจืด
#
มันจะไปที่ๆน้ำที่อุ่นกว่ารึเปล่า
โดยปกติมันจะเคลื่อนที่ขึ้นลงในน้ำเป็นแนวตั้ง ซึ่งมันอาจถูกพัดไปตามกระแสน้ำด้วย และถ้าน้ำข้างล่างอุณหภูมิต่ำกว่ามันจะไม่ลงไป
#
จะกำจัดมันจากสระน้ำได้อย่างไร
ผมไม่รู้วิธีที่จะกำจัดมันอย่างถาวร มันจะหายไปตามธรรมชาติหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน แต่อาจจะกลับมาปีหน้า ผมเคยคุยกับชาวบ้านที่แม้เขาจะสูบน้ำออกจากบ่อแต่ก็ไม่อาจหยุดการปรากฎตัวของมันได้ แต่คุณจะกำจัดมันทำไมมันไม่ได้มีผลเสียที่จะกระทบกับสภาพแวดล้อมของบ่อคุณหรอก
#
แมงกะพรุนน้ำจืดมีอายุขัยเท่าไหร่
แมงกะพรุนน้ำจืดจะโตเต็มที่และเผยเพศของมันออกมาเพื่อที่จะจับคู่และตายลงหลังจากนั้น แต่อายุขัยที่แท้จริงยังไม่รู้
14
Craspedacusta sowerbii: แมงกะพรุนในน้ำจืด?

ระยะเมดูซ่าเกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการสืบพันธ์ที่ซับซ้อนของแมงกะพรุนน้ำจืด ซึ่งแมงกะพรุนน้ำจืดสามารถสืบพันธุ์ได้อย่างน้อยสามวิธี หนึ่งโพลิปสร้างหน่อขึ้นมาซึ่งเมื่อเป็นผู้ใหญ่และโตเต็มที่เพิ่มจำนวนขึ้นและยึดแนวทางนี้สร้างโคโลนี่ขึ้นมา สองโพลิปสร้างหน่อซึ่งกลายเป็นฟรัสทูล ซึ่งเป็นตัวอ่อนที่คืบคลานขนาดเล็กที่จะมองหาจุดที่เหมาะสมแล้วยึดตัวเองกับพื้นแล้วเปลี่ยนเป็นโพลิป สุดท้ายโพลิปสร้างหน่อเมดูซ่า แมงกะพรุนขนาดเล็กที่เล็กกว่าหนึ่งมิลลิเมตร เมดูซ่าแต่ละตัวเมื่อโตเต็มที่ จะผลิตสเปิร์มหรือไข่อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งถูกปล่อยไปในน้ำและจะประกอบเข้าเป็นตัวอ่อนอีกชนิดหนึ่งเรียกว่าพลานูล่า พลานูล่านี้ว่ายน้ำได้อย่างอิสระจนกระทั่งเหมือนฟรัสทูลมันจะมองหาจุดที่เหมาะสมแล้วยึดตัวเองกับพื้นแล้วเปลี่ยนเป็นโพลิป แมงกะพรุนน้ำจืดเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดเท่าเหรียญยี่สิบห้าเซนต์ กลม ล้อมรอบด้วยหนวดซึ่งต่อยได้และค่อนข้างใส ตัวมัน99.26%เป็นน้ำ คนที่เห็นมันเมื่อเขาเห็นมันแล้วมันจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยถูกลืม ดอกเตอร์บอยด์ คีนาร์ดนักพฤติกรรมปลาในแผนกอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มหาวิทยาลัยแมสซาซูเซทส์ ได้เห็นปรากฏการณ์ “Bloom”ในทะเลสาบที่คนสร้างขึ้นที่อริโซน่ายี่สิบห้าปีมาแล้ว กล่าวว่า “ผมยังจำมันไว้ในฐานะสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่ผมเห็นในน้ำจืด มันมีเป็นหมื่นๆ ผมมองหามันตลอดเวลาแต่ไม่เคยเห็นพวกมันอีกเลย” ศาสตราจารย์ดั๊ก สมิธก็เหมือนดอกเตอร์บอยด์ คีนาร์ดใช้ชีวิตส่วนใหญ่ยุ่งอยู่กับแมงกะพรุนน้ำจืดแต่เขาก็เห็นเมดูซ่าแค่สองครั้ง
ทำไมเมดูซ่าถึงพบยากนัก มีอะไรที่จะกระตุ้นมันให้อยู่ที่เดิมเวลาเดิมมั๊ย นั่นเป็นคำถามที่ดอกเตอร์เทอร์รี่ เพียดและนักศึกษาปริญญาโทของเขาศึกษาที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าของรัฐเพนซิลเวเนียพยายามที่จะตอบโดยการสร้างฐานข้อมูลแห่งชาติในการเก็บข้อมูลของแมงกะพรุนน้ำจืด ซึ่งอุณหภูมิดูเหมือนจะค่อนข้างมีบทบาทต่อการกระตุ้นระยะเมดูซ่าดูจากฤดูที่เมดูซ่าปรากฏ ปกติจากสิงหาถึงกันยา(เพนซิลเวเนีย USAนะครับ)ถ้ายืดออกไปอีกหน่อยจนถึงเดือนตุลา แต่อุณหภูมิอย่างเดียวดูเหมือนจะไม่ได้ตอบคำถาม ในทะเลสาบและสระน้ำบางที่จะมีแมงกะพรุนในหน้าร้อนแต่ปีถัดไปไม่มีถึงแม้ว่าอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ระดับเดียวกัน ส่วนทะเลสาบอื่นๆแมงกะพรุนกลับปรากฏตัวทุกฤดู
ความลับอีกอย่างของเมดูซ่าคือทำไมเมดูซ่าที่ถูกผลิตถึงมีเพศแค่เพศเดียวในแต่ละที่ ซึ่งทั้งหมดมักเป็นเพศเมีย ที่ๆเดียวที่เพศเมียและเพศผู้มักถูกพบอยู่ด้วยกันประจำคือลุ่มแม่น้ำแยงซี ประเทศจีน จึงเป็นสาเหตุให้ที่นั่นถูกพิจารณาว่าเป็นแหล่งกำเนิดของมัน เราแน่ใจว่าแมงกะพรุนน้ำจืดไม่ใฃ่สัตว์พื้นเมืองของอเมริกาเหนือ มีทฤษฏีว่ามันมาถึง water lilies ในอังกฤษโดยนำเข้ามาจากจีนในทศวรรษ1890 อย่างไรก็ตามปัจจุบันมันอยู่ที่อเมริกานี่ มันแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วดังนั้นปัจจุบันมันถูกพบทุกที่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งที่จริงแล้วโพลิปของแมงกะพรุนน้ำจืดถูกพบทุกทวีปยกเว้นแอนทาร์คทิก้า แต่ทุกที่ยกเว้นจีนการปรากฏตัวของมันค่อนข้างบางตาและคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ และทุกที่เกือบทั้งหมดเป็นเพศเดียวกันหรือเป็นเพศเดียวกันทั้งหมดเสมอ ดังนั้นความคิดที่จะออกไปมองหาแมงกะพรุนน้ำจืดจึงไม่ได้ผลด้วยประการทั้งปวง แต่เดี๋ยวนี้ผมคิดว่ามันอยู่ข้างนอกสักที่ แมงกะพรุนน้ำจืด ผมกำลังไปเพื่อที่จะมองหามัน บางทีถ้าผมโชคดี สักวันเมื่อผมอยู่ถูกที่และมันเป็นฤดูแมงกะพรุนน้ำจืด

โดยด็อกเตอร์เทอร์รี่ เพียด
เทอรี่ แวทคินส์,จอย รูเพิร์ต
ไมเคิล ทอม,เจสัน แบลร์
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเว็บไม้น้ำบ้างไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ชอบกรุณากดlikeเป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ และคนที่จะเอาบทความนี้ไปใช้กรุณาให้เครดิตคนวิจัยที่คือด็อกเตอร์เทอร์รี่ เพียด,เทอรี่ แวทคินส์,จอย รูเพิร์ต,ไมเคิล ทอม,เจสัน แบลร์ และผมfreezfreemanหรือมุนีด้วยครับ
ปล.แปลบทความนี้เสร็จผมก็ตายตาหลับแล้วครับ [on_007]