Aqua.c1ub.net
*
  Thu 19/Jun/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องทั่วไปของแมงกะพรุนน้ำจืดโดย เจนยู ซาซากิ  (อ่าน 4768 ครั้ง)
แก้ว เสรีชน ออฟไลน์
Club Brother
« เมื่อ: 03/09/12, [19:52:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

แมงกะพรุนน้ำจืด หนวดและชุดประสาทสัมผัส
ปรับปรุงครั้งสุดท้ายเมื่อ99/11/30




  เด็กชายที่หนีจากโลกที่ถูกทำลาย
  ผ่านมาหลายปี
    ฉันถูกดูดเข้าไปในดวงดาวที่ส่องประกาย
    เข้าไปในยานที่อยู่
  ดาวที่สมมาตร
  มันเป็นดาวที่มีกระบองเพชรตั้งอยู่บนแผ่นดินที่สมมาตร
  ที่ๆฉันเติบโต
  ชายแสนสูงราวห้าเมตร วางดอกไม้ที่เปล่งประกาย
  มันทำให้ดาวสมมาตรส่องสว่าง
  เด็กชายหลงใหลไปชั่วขณะ
    ทันใด ไกลตาออกไปดาวดวงใหญ่เปล่งประกาย
    ราวกับดวงจันทร์ทำให้ฉันมองเราครั้งหนึ่ง  
    ยานลำเดิมที่หนีจากโลกบินอยู่ใกล้ๆ
  เด็กชายเป็นพยาน
  โอ้ หิมะ?
    ปลิวออกจากดอกไม้ชวนให้ระลึกถึงเกสรเรืองรอง    
  ฉันกลับเป็นเด็ก
  
                           (c) 1999 โดย สึราระ

ขอบคุณ
จินตนาการที่บริสุทธิ์ของคุณสึราระมาก ผมได้ใช้ความคิดที่หลักแหลมของคุณที่ตีพิมพ์ในหนังสือฟองน้ำน้ำจืดฉบับพิมพ์จำกัด
ถึงแม้ว่าเรื่องต่อไปนี้จะไม่ใช่สายพันธุ์ที่ได้รับการรับรอง บันทึกบนหัวข้ออย่างเรื่องของแมงกะพรุนน้ำจืดตัวเต็มวัย การสับพันธุ์แบบอาศัยเพศยังเป็นที่สับสน เวลานี้ผมก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของมันจะน่าเชื่อถือ มันเป็นเรื่องท้าทายที่จะต้องติดตามพิสูจน์อีกในปีถัดไป แต่สำหรับตอนนี้กรุณารอ  

หนวด
มีลักษณะคล้ายกระบองเพชรยื่นออกมา


เข็มพิษแต่ละอันมีอวัยวะรับสัมผัสยื่นออกมา  แมงกะพรุนชนิดนี้อยู่ในสายพันธุ์C. Sowerbyi  นอกจากนี้สัตว์ที่ประทับใจนี้ยังเคลื่อนไหวตลอดเวลาในสภาวะที่มีแสง


อาจจะดูสับสนเล็กน้อย อันดับแรกเราจะแสดงแผนภาพ(1880) ของAllman


ภาพจากปี1880 Allman, Jour. Linn. Soc. Zoology vol.15 p.131-137.  
รูปที่1แสดงภาพตัดแนวตั้งส่วนขอบของแมงกะพรุน 、รูปที่3แสดงอวัยวะที่อยู่ภายใต้ร่มแสดงความสัมพันธุ์ระหว่างหนวดและ
อวัยวะรับสัมผัส
                   ภาพด้านล่างนี้ทำให้มีขนาดใหญ่อาจจะดูยากถ้าเทียบกับของจริงทั้ง หนวด  statolith  ชุดของอวัยวะรับสัมผัสที่คดเคี้ยว ด้วยเหตุผลบางประการอาจยังดูไม่ดีนักแต่ก็จะพยายามแก้ไขในอนาคต
 การทำงานของอวัยวะรับสัมผัส(statocyst)
                 ในสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังลำตัวสมมาตรนั้น ภายในพื้นผิวจะมีขนรับสัมผัส ถุงหุ้มก้อนstatolith
             นอกจากนี้ดูเหมือนว่า Craspedacusta  จะมี statocystอยู่ที่เนื้อเยื่อรอบขอบร่ม


ถ่ายเมื่อ 99/10/24, 11/15


การเกิดของแมงกะพรุนน้ำจืด
ปรับปรุงครั้งสุดท้าย: 2000/05/14


โคโลนีของโพลิบแมงกะพรุนน้ำจืดจะสร้างหน่อขึ้นมา แล้วเปลี่ยนเป็นแมงกะพรุน

แมงกะพรุนไม่ได้เป็นสัตว์ที่อยู่ในสภาพแมงกะพรุนตลอดชีวิต มันยังมีระยะที่เรียกว่าโพลิป อาจจะดูแปลกแต่ในโลกของสิ่งมีชีวิตก็ยังมีเรื่องแปลกอีกมาก สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมงกะพรุนน้ำจืดนั้นเมื่อไข่ได้รับการปฏิสนธิจะกลายเป็น พลานูล่า และเมื่อยึดติดกับที่จะกลายเป็นโพลิปแล้วก็จะสร้างหน่อซึ่งแมงกะพรุนหรือระยะเมดูซ่าก็จะหลุดออกมา ดังรูปข้างล่าง
นี้เป็นการสังเกตว่าเมดูซ่าเกิดจากโพลิปได้อย่างไร ซึ่งควรบันทึกด้วยว่าเกิดจากการผสมเทียม

แผนภาพของPayne, F  1924
Payne, F. 1924. การศึกษาแมงกะพรุนน้ำจืด, Craspedacusta Ryderiปัจจุบันนี้ขื่อทางวิทยาศาสตร์คือC.sowerbyi)  
นิตยสารวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบและโครงสร้างของพืชและสัตว์ 38:397-430


ขั้นแรกหน่อของเมดูซาจะเริ่มแยกตัวออกจากโพลิป ที่เห็นทางขวานั้นคือปากของโพลิปแล้วจะค่อยๆแยกตัวเป็นเมดูซ่าอย่างสมบูรณ์ภายในสี่วัน นอกจากนี้ไข่ของอาร์ทีเมียสีส้มที่อยู่ข้างบนมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.2 มม.
จากการเคลื่อนย้ายอย่างทะนุถนอมจะได้หน่อ(ประมาณ 1-2 วัน) ซึ่งจากโพลิป10โพลิปในครั้งนี้ได้หน่อทั้งหมด4หน่อในจาน petriขนาด 9 ซม.ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์อาจจะดูมากแต่ยังมีโพลิปที่ไม่แตกหน่อออกมาให้เห็นอีก
ดูเหมือนยังไม่รู้เกี่ยวกับปัจจัยชี้ขาดในการเพิ่มหรือลดจำนวนหน่อ จากประสบการณ์นี้การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในฤดูใบไม้ผลิ หรือหน้าร้อนต่อจากฤดูหนาว อาหาร ซึ่งคุณอาจจะอยากดัดแปลงซึ่งผมประทับใจ
ตอนนี้ไม่หนาว แต่ก็ไม่ร้อนเกินไป(ไม่เกิน25องศา) แต่วันหนึ่งจะมีเหตุผลที่แน่ชัด จะเป็นงั้นมั๊ยนะ
ถ่ายเมื่อ 12-13/05/2000  รูปข้างบนจากบทความที่18ของ Payne

17:22                                     23:26                                    05:35                                      11:12
รูปถูกถ่ายเกือบทุกหกชั่วโมง เพื่อให้เห็นความต่อเนื่องจนกระทั่งหนวดใช้งานได้ ฉันโตพอที่จะรู้ว่าจากเวลา 11:12 เมื่อเทียบกับรูปของPayneแล้วคงนานกว่าที่หนวดจะใช้งานได้
นอกจากนี้ยังรูปถึงส่วนใหญ่ของปาก(ซึ่งยื่นออกมาจากฐาน)และสีสัมที่อยู่บนฐานของหน่อ
ฉันทำงานอยู่ที่นี่บางครั้งด้วยนวัตกรรม Piku~tsuและ(จากรูปข้างล่าง)การเปลี่ยนแปลงกำลังเริ่มต้น

13:33                                                   13:58                                                     14:08

14:12                                                   14:32                                                     15:12
อันดับแรกจากทรงกลมเริ่มยืดขึ้น อย่างที่คุณเห็นถ้าคุณดูตามเวลา ความต่อเนื่องของรูปเหล่านี้ผมทำให้เร็วขึ้นนิดหน่อย ตามเวลา14.08ถึง14.12การเปลี่ยนแปลงเร็วพอใช้
นอกจากนี้หนวดและอย่างอื่นเริ่มที่จะเป็นอิสระมากขึ้นๆตามเวลา ผมเริ่มนับถอยหลัง ตรงสีแดงที่เป็นฐานของหน่อก็กำลังถูกเลาะออก  แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรถ้าดูตามรูปของPayne รูปที่23 หรือที่เวลา13.58 , รูปที่24 หรือเวลา 15.12 ผมคาดว่ามันจะแยกออกตอนเกือบ16.00น.  แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกมันเหมือนบาเซโลน่าเสียประตูตอนกำลังบุก ดังนั้นผมจึงตั้งกล้องวีดีโอทิ้งไว้สำหรับเวลาที่มันแยกตัวออกมา ซึ่งผมก็อยากถ่ายมันกับมือมากกว่า (แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่หล่ะ) จากนี้ไปขอเรียกมันว่าเมดูซ่าช่วงแรก
ถ้าพูดถึงชนิดแล้ว ผมเพิ่งจะเก็บข้อมูลมันเสร็จไปชนิดเดียว อย่างไรก็ตามผมก็เริ่มถึงเวลาหมดสภาพ ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย แต่อีกสักพักคงจะง่วงมาก ผมไม่อยากที่จะปลีกตัวแต่โชคดีหน่อยตอนนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
ขอบคุณบรรพบุรุษ(จากใจ)ผมรู้สึกว่ามันสุดยอดและผมคิดว่ามันสำเร็จได้เพราะคุณ  Mr.Payne ผมคะเนอย่างมั่นใจว่าผมเขียนบทความจากการสังเกตุเคสมาหลายเคสแล้ว  ส่วนคุณ76ปีมาแล้วหรือจากปัจจุบันยุคไทโช จนกระทั่งถึงบทความนี้ บทความของพวกเรายังไม่ถูกอ่านอย่างที่ควรจะเป็นซักที หวังว่าผมคงไม่ต้องรอจนถึงอนาคต

ถ่ายเมื่อ 2000/05/09, 10, 12, 13
เมดูซ่าช่วงแรก
ปรับปรุงครั้งล่าสุด: 2000/05/14
2000/05/11 มีแมงกะพรุนเล็กๆเกิดขึ้นสองตัว แต่โชคไม่ดีที่ผมกำลังจะเลิกทดลองเกี่ยวกับแมงกะพรุนน้ำจืดพอดี ซึ่งมันก็ได้ตายลง(แต่ผมก็ได้ถ่ายรูปมันไว้นี่อาจเป็นประวัติคนไข้ของมัน)  ทันทีที่ถูกปล่อยออกมาจากโพลิปเส้นผ่าศูนย์กลางของร่มประมาณ1มม.  ซึ่งจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

จากรูปข้างล่างค่อนข้างยากที่จะแยกออกจากกันแต่ผมแยกจากเนื้อเยื่อสีขาวภายในของวงแหวน



                                                                                                                            โดยเจนยู   ซาซากิ
                                                                                                                            
http://bios.sakura.ne.jp/gf/sowerbyi/tentacle.html
http://bios.sakura.ne.jp/gf/sowerbyi/budding.html
http://bios.sakura.ne.jp/gf/sowerbyi/baby.html
                    
ผมหวังว่าบทความแปลของผมจะมีประโยชน์ต่อเว็บไม้น้ำนี้บ้างไม่มากก็น้อยและถ้าทุกคนชอบผลงานของผมขอให้กดlikeให้ผมด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมทำงานต่อไป  สำหรับคนที่จะเอาผลงานนี้ไปใช้กรุณาให้เครดิตคุณเจนยู ซาซากิและผมfreezfreemanหรือมุนีด้วย และถ้าผมแปลผิดพลาดผมยินดีน้อมรับคำติชมและกรุณาแจ้งให้ผมทราบเพื่อแก้ไขด้วย



















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26/09/12, [11:37:15] โดย มุนี »
aqueous_andaman ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #1 เมื่อ: 03/09/12, [22:31:24] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

บทความอันนี้แจ๋วแฮะ  ^^  Like++
Fibo ออฟไลน์
Club Champion
« ตอบ #2 เมื่อ: 05/09/12, [11:33:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

oh  ยังมีอีกหลายกระทู้เลย   [เจ๋ง] เยี่ยมครับ
แก้ว เสรีชน ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #3 เมื่อ: 26/10/12, [16:49:59] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

สำหรับ แมงกระพรุนน้ำจืด มีลักษณะคล้ายกับแมงกะพรุนน้ำเค็ม แต่จะมีเนื้อเยื่อขยายจากขอบเข้ามาข้างในตัวเป็นลักษณะคล้ายวงแหวนที่เรียก ว่า “Velum” มีขนาดเล็กกว่าแมงกะพรุนน้ำเค็ม และมีหนวดรอบขอบตัวประมาณ 50-500 เส้น ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่าเหรียญกษาปณ์ แมงกะพรุนน้ำจืดน่าจะเป็นสัตว์ประจำถิ่นของไทยมานานแล้ว โดยชาวบ้านบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า “แมงยุ้มวะ” ซึ่งเป็นภาษาถิ่น หมายถึงอาการหุบเข้าออกของขอบตัวเวลาที่มันเคลื่อนที่ โดยมีรายงานการพบครั้งแรก  ในแม่น้ำโขง   ที่บ้านคกไผ่ อ.เชียงคาน จ.เลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 หลัง จากนั้นก็มีราย งานการพบแมงกะพรุนน้ำจืดจากอีกหลายแหล่ง เช่นในแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดเลยจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี  ในลำน้ำเข็กทั้งในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลก ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เป็นต้น แต่ที่สามารถพบเห็นได้เป็นประจำในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี คงมีเพียงแค่ในแม่น้ำโขงตั้งแต่ จ.เลย  จนถึง จ.อุบลราชธานี และในลำน้ำเข็กทั้งในเขต จ.เพชรบูรณ์ และพิษณุโลกเท่านั้น
สาเหตุ ที่เราสามารถพบเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ในช่วงเดือนมีนาคม-ต้นเดือนพฤษภาคม ของทุกปี เนื่องจากวงจรชีวิตของสัตว์ชนิดนี้มี 2 ช่วง โดยสัตว์ชนิดนี้จะอาศัยอยู่ตามน้ำตื้นที่มีพื้นท้องน้ำที่เป็นของแข็งเช่น ตามแก่งหินของต้นน้ำลำธารที่น้ำค่อนข้างเย็น อุณหภูมิน้ำต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนมิถุนายน- กุมภาพันธ์นี้ แมงกะพรุนน้ำจืดจะอยู่ในช่วงพักตัวโดยมีรูปร่างเป็นแท่งมีแฉกซึ่งขนาดเล็ก มาก เกาะอยู่บนพื้นหิน (Polyp) และจะขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศ (Asexual) ด้วยการแตกหน่อ จนเมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น (ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) จึงพัฒนาตัวเองให้ลอยไปตามน้ำ (Medusa) เพื่อผสมพันธุ์ทำให้เราสามารถพบเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ การขยายพันธุ์ในช่วงนี้จะผสมพันธุ์แบบใช้เพศ (Sexual) โดยเพศผู้จะปล่อยน้ำเชื้อมาผสมกับไข่ที่เพศเมียปล่อยออกมา หลังจากนั้น ตัวอ่อนก็จะจมลงเกาะตามพื้นเข้าสู่ช่วงพักตัวต่อไป
   
ในหนังสือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ผศ. สุรินทร์ มัจฉาชีพ เขียนไว้ว่า “เท่าที่มีรายงานในประเทศไทยนั้น ดร. คลุ้ม วัชโรบล ได้รายงานว่า กะพรุนน้ำจืดอาศัยในแหล่งที่น้ำขังเฉพาะฤดูฝนและแห้งในฤดูแล้ง ผู้เขียนเองเคยพบอยู่ในบ่อน้ำทิ้งของพิพิธภัณฑ์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม มศว. บางแสน เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ ซึ่งเป็นบ่อซีเมนต์มีฝาปิด ภายในบ่อมีไรน้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ลักษณะของแมงกะพรุนน้ำจืดที่พบเป็นรูปครึ่งวงกลม โค้งนูน เมนูเบรียมเป็นกระบอกปลายมน มีเวลัมและมีปุ่มอวัยวะรับสัมผัสจำนวน ๑๖ แห่ง ซึ่งเป็นปมขนาดใหญ่ ๘ แห่ง สลับกับปมขนาดเล็กอีก ๘ แห่ง ว่ายน้ำโดยการกระพือขอบร่มเป็นจังหวะ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ มิลลิเมตร”
    วีระ โพธิ์ทอง พบแมงกะพรุนน้ำจืดในประเทศไทยในปี ๒๕๐๔ ที่หมู่บ้านคกไผ่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมน้ำโขง ห่างจากอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประมาณ ๓๘ กิโลเมตร ในช่วงที่แม่น้ำโขงลดลงช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม โดยพบว่ามีการกระจายตั้งแต่ปากแม่น้ำเหือง บ้านคกงิ้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ถึงบ้านหนอง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย พบในหนองน้ำตามชายฝั่งแม่น้ำโขงช่วงหน้าแล้ง ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนพฤษภาคม
    หลังจากนั้น ๔๐ กว่าปี อุรศรี สูยะศุนานนท์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้กลับมาศึกษาอีกครั้งในพื้นที่เดียวกัน เพื่อหาข้อมูลเปรียบเทียบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของแม่น้ำโขงในช่วง ๔๐ ปีที่ผ่านมา มีผลกระทบกับปริมาณประชากรของแมงกะพรุนน้ำจืดหรือไม่
    และผลก็เป็นอย่างที่เราคาดคิด การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศแม่น้ำโขงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลต่อประชากรของแมง กะพรุนน้ำจืดและระยะเวลาในการค้นพบด้วย อุรศรีเริ่มพบแมงกะพรุนน้ำจืดในพื้นที่นี้ตั้งแต่เดือนมกราคมเรื่อยไปจนถึง พฤษภาคม ขึ้นอยู่กับว่า ตรงจุดไหนน้ำขึ้นน้ำลงเร็วกว่ากัน โดยจุดที่น้ำลงเร็วจะพบแมงกะพรุนน้ำจืดเร็วด้วย ส่วนจำนวนประชากรนั้นบางจุดก็เพิ่มขึ้น บางจุดก็ลดลง
    รายงานข้างต้นเป็นข้อมูลที่มีการศึกษาและบันทึกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ที่ไม่เป็นทางการนั้น คล้อยหลังที่ข่าวการค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดที่เพชรบูรณ์เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ นักวิจัยโรงเรียนเทศบาล ๓ ก็มีคนเข้ามาแจ้งข่าวว่าเคยไปเจอที่ไหนมาบ้าง บางคนว่าเคยเจอในแก่งที่แม่น้ำโขง จังหวัดเลย ที่บ่อน้ำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็เคยมีคนเจอ ที่บึงบอระเพ็ดก็เคยมีคนจับได้ (ไม่รู้ว่าตัวอะไร แต่รูปร่างเหมือนกันเปี๊ยบเลย)
      นอกจากพฤติกรรม ความมหัศจรรย์ของชีวิตน้อย ๆ (เป็นต้นว่า ถ้าตัดตัวมันครึ่งหนึ่ง มันจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้) รวมถึงวงจรชีวิตที่น่าสนใจของมันแล้ว ยังมีข้อมูลบางส่วนระบุว่า ไม่ค่อยพบแมงกะพรุนน้ำจืดที่เป็นเมดูซาเพศผู้และเพศเมียอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำ เดียวกัน เช่นที่นิวซีแลนด์มีการบันทึกว่าเจอแต่เมดูซาเพศผู้เท่านั้น เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นักวิจัยจากสถาบัน IUP Research ต้องการไขปริศนาเกี่ยวกับมันให้ได้ ไม่นับว่าบางวันนักวิจัยอาจได้เจอปรากฏการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เช่นแมงกะพรุนน้ำจืดมาปรากฏตัวให้เห็นพร้อม ๆ กันจำนวนมาก ซึ่งทีมวิจัยจากโรงเรียนเทศบาล ๓ ให้คำอธิบายว่า น่าจะเกิดจากการที่ในวันนั้นมีอากาศเหมาะสม เกิดแพลงก์ตอนมากกว่าปรกติ ทำให้แมงกะพรุนขึ้นมากินแพลงก์ตอนมากตามไปด้วย พวกเขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Bloom” ซึ่งอาจจะเป็นกรณีเดียวกับที่คุณสองและชาวบ้านบอกว่า มันผุดขึ้นพร้อมกันอย่างกับน้ำเดือดปุดๆ ก็ได้
         
     แม้ว่าเรายังไม่สามารถ จำแนกชนิดของแมงกะพรุนน้ำจืดในประเทศไทยได้ อีกทั้งการศึกษาผลกระทบต่อระบบนิเวศในน้ำและการประมงก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใน เชิงวิชาการ อย่างไรก็ตาม แมงกะพรุนของลำน้ำเข็กก็ได้นำรายได้มาสู่ชุมชนแก่งบางระจันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิษณุโลกได้มีความก้าวหน้าในการศึกษาวิจัย สัตว์ชนิดนี้มาเป็นลำดับ โดยปัจจุบันทางศูนย์ฯ สามารถเลี้ยงแมงกะพรุนน้ำจืดในระยะ Medusa ด้วยไรแดง ในตู้กระจกที่อุณหภูมิน้ำ 21 องศาเซลเซียส ได้นานกว่า 4 เดือน และสามารถเก็บแมงกะพรุนน้ำจืดในระยะ Polyp ไว้ในตู้กระจกที่อุณหภูมิน้ำ 21 องศาเซลเซียส และกำลังทดลองกระตุ้นแมงกะพรุนน้ำจืดให้พัฒนาสู่ระยะ Medusa ในตู้กระจก ด้วยการเปลี่ยนอุณหภูมิน้ำเลียนแบบธรรมชาติ หากการค้นคว้าวิจัยสามารถพัฒนาสู่ขั้นดังกล่าว จะสามารถสร้างความมั่นคงในเรื่องรายได้จากการท่องเที่ยวของชุมชนแก่งบางระ จันตลอดทั้งลำน้ำเข็ก และแมงกะพรุนน้ำจืดอาจกลายเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สร้างมูลค่าแก่วง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง
...อันนี้รวบรวมมาจากเว็บทั่วๆไปครับหลักๆก็มาจากเว็บของนิตยสาร"สารคดี"
power_aof ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #4 เมื่อ: 21/12/12, [00:33:57] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เยี่ยมเลย [เจ๋ง]
แก้ว เสรีชน ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #5 เมื่อ: 24/04/13, [22:27:03] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ดันกันหายนิดนึง
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: