Aqua.c1ub.net
*
  Sun 07/Sep/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ปลาหมอเป็นแผล รักษาด้วยอะไรดีครับ  (อ่าน 13948 ครั้ง)
AOF [[RFC]] ออฟไลน์
Club Veteran
« เมื่อ: 18/02/12, [02:51:18] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ปลาหมอผมเป็นแผล คล้ายแผลถลอก ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด และเป็นอันตรายมั้ยครับ รักษายังไงดี

ก่อนหน้านี้เค้ามีเม็ดขาวๆเหมือนเม็ดสิว ไม่นานก็หลุดไปแล้วเป็นรู จะเป็นอันตรายใดๆหรือเปล่าครับ

ตอนนี้เบื้องต้น ผมใส่เกลือลงไปครับ





ภาพนี้ที่หน้าเป็นรูครับ


plaraberd ออฟไลน์
Club Champion
« ตอบ #1 เมื่อ: 18/02/12, [14:25:50] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

รักษาคุณภาพน้ำไว้ให้ดีๆ ครับ ยังไม่ต้องใช้ยา รอดูอาการสัก ๑-๒ วัน

เห็นในรูปเหมือนมีอาการของโรคหัวเป็นรูร่วมด้วยนะครับ
แต่ยังเล็กน้อย หมั่นดูแลคุณภาพน้ำ และรักษาความสะอาดของตู้ไปก่อน

เรื่องยา ค่อยว่ากันทีหลังครับ
AOF [[RFC]] ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #2 เมื่อ: 18/02/12, [14:42:19] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

รักษาคุณภาพน้ำไว้ให้ดีๆ ครับ ยังไม่ต้องใช้ยา รอดูอาการสัก ๑-๒ วัน

เห็นในรูปเหมือนมีอาการของโรคหัวเป็นรูร่วมด้วยนะครับ
แต่ยังเล็กน้อย หมั่นดูแลคุณภาพน้ำ และรักษาความสะอาดของตู้ไปก่อน

เรื่องยา ค่อยว่ากันทีหลังครับ

ขอบคุณครับ ล่าสุดแผลเป็นขุยๆขาวๆอ่ะครับ
พี่กบ ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #3 เมื่อ: 18/02/12, [17:25:09] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณครับ ล่าสุดแผลเป็นขุยๆขาวๆอ่ะครับ

hole head เป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรียที่กินเนื้อ
 ข้อมูลได้จากรองสาสตราจารยืจิระศักด์  ตั้งตรงไพโรจน์
วิธีรักษา เอาสำลีเช็ดตรงแผลที่เป็นรูแล้วเอายาอควาเรี่ยม1ยัดลงไปที่แผล 3-4 วันแผลก็จะตื้นขึ้น  อาการที่เป็นแผลขุยขาวคือเริ่มลามแล้ว
[on_055]
น้องเม้งซ่า ออฟไลน์
Hot Member
« ตอบ #4 เมื่อ: 18/02/12, [22:16:51] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

เข้ามาเก็บเกี่ยว ค รู้ เผื่อเจอกับปลาของตัวเอง =P
พี่กบ สบายดีไหมคับ ^^ จำกันได้ไหมเนี่ย
AOF [[RFC]] ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #5 เมื่อ: 18/02/12, [23:34:41] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อาการล่าสุดครับ ควรเริ่มรักษา หรือจับแยก อะไรยังไงดีครับ ผมเลี้ยงรวมกับปลานกแก้ว และตะเพียนทอง  กั้นครึ่งตู้ ให้ปอมปาดัวร์อยู่ด้วยอ่ะครับ

ปล.เมื่อคืนใส่เกลือลงไปในตู้แล้วครับ



น้องเม้งซ่า ออฟไลน์
Hot Member
« ตอบ #6 เมื่อ: 19/02/12, [00:01:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

http://www.crossbreedplanet.com/board_topic_view.php?category=5&id=3171

ขอพาดพิงไปถึงเว็บไซต์อื่นนะคับ =3="
joepsm ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #7 เมื่อ: 19/02/12, [07:43:58] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมว่าอาการเริ่มหนักแล้วน่ะ คาดว่ามาจากคุณภาพน้ำไม่ดี
ขอบคุณพี่ต้นครับ ลองอ่านดู

โรคหัวเป็นรู (Hole in the Head, HITH )
ผม RoF กลับมาสวัสดีกันอีกครั้งครับ กับเพื่อนๆพี่น้อง ชาวไทยครอสบรีดทุกท่าน อันโรคปลานั้น มีมากมายหลายโรคนัก คอยรุมล้อม จ้องทำลายปลาของเราอยู่เสมอ ยามปลาอ่อนแอ การเรียนรู้เรื่องโรคปลาเอาไว้บ้าง จึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่เราจะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปลาได้เป็นอย่างดี โรคหัวเป็นรูนั้น ก็เป็นอีกโรคหนึ่งซึ่งสร้างความหนักใจให้กับผู้รักปลาหมอครอสบรีดค่อนข้างมากครับ เพราะนอกจากเป็นโรคซึ่งเกิดขึ้นบ่อย ป้องกันยากแล้ว ยังจะสร้างแผลเป็นที่หน้าเกลียดให้กับปลาของท่านอีกด้วย แม้ว่าจะรักษาโรคหายแล้วก็ตาม แผลเป็นก็ยังคงอยู่ จะมากจะน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรค แต่ถ้าเรารักษาทันท่วงที แผลที่เกิดขึ้นก็จะยังเล็ก และตื้น โอกาสที่ปลาจะสร้างเนื้อเยื่อ และกระดูกขึ้นมาทดแทนจนเป็นปกติก็มีได้มากตามไปด้วยครับ ฟังๆดูแล้วน่ากลัว และน่าหนักใจมากครับ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับปลาตัวสวยของเราเลยจริงๆ ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันนะครับ
โรคหัวเป็นรูนั้น เกิดจากเชื้อโปรโตซัวร์ในสกุล Hexamita และ Spironucleus มีขนาดประมาณ 7-13 ไมครอน โดยทั่วไป เราจะพบโปรโตซัวร์ชนิดนี้ ในถุงน้ำดี และ ในลำไส้ของปลา


ปกติแล้ว ก็จะไม่แสดงอาการของโรค แต่ถ้าปลาของเราอ่อนแอ เนื่องจากสาเหตุใดๆก็ตามที่กล่าวไว้ในบทความเก่าๆ และเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนเข้าสู่กระแสเลือด ก็จะแสดงอาการของโรคหัวเป็นรูขึ้นมาได้ครับ และนอกจากนั้น สัญญาณบ่งชี้อีกประการหนึ่งที่แสดงให้เราเห็นว่า ปลาเริ่มป่วยแล้ว ก็คือ ปลาจะถ่ายอุจจาระออกมาเป็นเส้นสีขาวขุ่น ยาว ติดต่อกัน คล้ายๆกับเส้นด้าย ซึ่งจะบอกให้เราทราบว่า ปลาอ่อนแอลง และมีเชื้อในทางเดินอาหารมากผิดปกติครับ ในบางตำราบอกไว้ว่า เชื้อ Hexamita Hexamita salmonis , Hexamita truttae and Hexamita intestinalis และ Spironucleus ไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรครูบนหัวครับ โดยอธิบายว่า แผลดังกล่าวอาจเกิดขึ้นมาจากสภาพการเลี้ยงไม่เหมาะสม และการขาดสารอาหาร เมื่อแผลเกิดขึ้นแล้วก็มักจะพบเชื้อดังกล่าวบริเวณแผลนั้นๆตามมาครับ
ดังนั้น สาเหตุที่สำคัญอีกอย่างนอกจากตัวเชื้อแล้วก็คงจะหนีไม่พ้น เรื่องเกี่ยวกับสภาพการเลี้ยงที่ไม่เหมาะสมนั่นเองครับ พูดกันมาหลายครั้งแล้ว เช่น น้ำเสีย มีการหมักหมมของสารอินทรีย์มาก โดยดูจากปริมาณไนไตรท์เป็นสำคัญ น้ำมี pH ต่ำ หรือ สูงเกินไป (pH ที่เหมาะสมกับปลาหมอครอสบรีดคือ 7-7.5 ) ออกซิเจนไม่เพียงพอ มีสารพิษต่างๆในน้ำ อุณหภูมิต่ำหรือสูงเกินไป (ที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 26-28 องศาเซลเซียส) หรือ อุณหภูมิในรอบวันเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมาก การขนย้ายปลา หรือการเลี้ยงปลาหนาแน่นเกินไป อาหารไม่เหมาะสม เช่น บางตำราบอกว่า ปลาได้รับโปรตีนมากเกินไป หรือ มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆในอาหารไม่เพียงพอ และอีกหลายๆสาเหตุเท่าที่เราจะนึกขึ้นมาได้ สำหรับผมแล้ว สาเหตุทุกอย่างล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมดครับ เรื่องสภาพแวดล้อมนี้เป็นเรื่องสำคัญมากและเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคทุกๆโรคเลยทีเดียว เมื่อปลาอ่อนแอ สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อเชื้อโรค ปลาก็ย่อมแพ้ต่อเชื้อโรคและแสดงอาการออกมา เมื่อปลาแข็งแรง ถึงแม้จะมีเชื้อโรค ก็ไม่สามารถทำอะไรปลาได้ ดังนั้น เมื่อปลาเราเป็นโรค ก่อนที่เราจะทำอะไรต่อไป อันดับแรกเลย เราต้องมาพิจารณาถึงสภาพการเลี้ยงของเราในตอนนี้ก่อน ว่าเหมาะสมหรือไม่ต่อปลาของเรา มิฉะนั้นแล้ว ถ้าเราไม่แก้ไขเรื่องดังกล่าวก่อน การรักษาในขั้นตอนต่อไป ถึงแม้จะเป็นการใช้ยาที่ถูกต้อง ถูกวิธี ก็อาจไม่สามารถรักษาโรคให้หายได้ครับ
การติดต่อของเชื้อโรค
เชื้อ Hexamita นั้นจะถ่ายทอดไปยังปลาตัวอื่น ผ่านทางน้ำ โดยออกมาจากขี้ปลาที่มีการติดเชื้อดังกล่าวครับ เมื่อปลาได้รับเชื้อเข้าไป เชื้อก็จะไปอาศัยอยู่ในผนังลำไส้ส่วนบน และจะว่ายวนเวียนอยู่ในลำไส้ปลาบริเวณที่มีกากอาหารอยู่ ในสภาพปกติแล้ว เราจะพบเชื้อปรสิตชนิดนี้ในลำไส้ปลาในปริมาณไม่มากเกินไป แต่เมื่อใดที่ปลาอ่อนแอ สภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการเจริญของเชื้อ เชื้อดังกล่าวก็จะขยายพันธุ์แบ่งตัวอย่างรวดเร็วมาก ทุกๆ 24 ชั่วโมง จนปลาเป็นโรคดังที่บอกไว้ข้างต้นครับ
อาการของปลาที่เป็นโรค
ปลาที่เริ่มเป็นโรค จะแสดงอาการซึม เบื่ออาหาร สีซีดผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของปลาป่วยโดยทั่วไปครับ ในระยะต่อมา เราจะเริ่มเห็น รูเล็กๆ เกิดขึ้น บริเวณส่วนหัว ส่วนหน้าเหนือปากด้านบน บริเวณจมูก โดยลักษณะของรูนั้น จะมีขนาดเล็กมาก และค่อยๆขยายกว้างขึ้น และลึกลงเรื่อยๆ ลักษณะของแผลดังกล่าว จะเหมือนกับมีเนื้อ และกระดูกบริเวณนั้นถูกขูดหายไป บางครั้งอาจมีอาการบวมช้ำ หรือเป็นหนองเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย บางทีก็มักสร้างความสับสนให้กับเราได้เหมือนกันว่า แผลดังกล่าว เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเพียงอย่างเดียว หรือ เกิดจากเชื้อโปรโตซัวร์ Hexamita ด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ให้เราสันนิษฐานได้ว่า ถ้ามีแผลดังกล่าวบริเวณหัว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า น่าจะเกิดจากเชื้อ Hexamita ด้วยเช่นกัน อาการดังกล่าว ยังอาจเกิดขึ้นได้บริเวณเส้นข้างตัวปลาได้อีกด้วย โดยจะพบลักษณะเป็นรู คล้ายๆกัน


รูปแสดงปลาที่เป็นโรคหัวเป็นรู

รูปแสดงปลาที่เป็นโรคหัวเป็นรูและมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

การป้องกันโรคหัวเป็นรู
โรคหัวเป็นรูนั้น มีสาเหตุหลักๆมาจาก สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น น้ำเสีย มีแอมโมเนีย และไนไตรท์สูง มีเศษอาหาร และขี้ปลาหมักหมมมานาน ระบบกรองไม่มีประสิทธิภาพ และสกปรก ออกซิเจนในน้ำต่ำ ฯลฯ อาหารไม่ได้คุณภาพ หรือปลาขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ปลาก็จะแสดงอาการของโรคออกมา การป้องกันโรคนี้นั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่าเชื้อ Hexamita นั้น เป็นเชื้อที่พบได้ทั่วไปในปลาอยู่แล้ว สามารถติดต่อกันไปยังปลาตัวอื่นในตู้ผ่านทางขี้ปลา ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นกันครับ ถ้าปลาแข็งแรง สภาพแวดล้อมดี เชื้อดังกล่าวก็จะไม่สามารถทำให้เกิดโรคหัวเป็นรูได้ครับ ดังนั้น อย่าลืม รักษาความสะอาด รักษาคุณภาพน้ำ ด้วยนะครับ

การรักษาโรคหัวเป็นรู
การรักษาโรคนี้นั้น จะได้ผลดี และ เกิดแผลเป็นน้อยที่สุด ต้องรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆครับ คือ เมื่อเริ่มเห็นอาการรูบนหัวเมื่อไร ก็ให้รีบรักษา ส่วนสำหรับปลาที่เกิดรูบนหัวแล้วนั้นยิ่งชัดเจน และผ่านไปนานเท่าไรก็จะรักษายากขึ้นครับ เพราะโปรโตซัวร์ดังกล่าวมีปริมาณมากแล้ว อีกทั้งเนื้อเยื่อ และกระดูกปลาถูกทำลายไปเป็นบริเวณกว้างแล้วล่ะครับ เราจะรักษาด้วยการใช้ยาต้านโปรโตซัวร์ Metronidazole (TRICHOPOL) (2-methyl-5-nitroimidazole-1-ethanol) มีสูตรเคมีว่า C 6 H 9 N 3 O 3 หาซื้อได้ตามร้านขายยาคนทั่วไปครับ (จริงๆถูกห้ามใช้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่ครับ)


รูปแสดงโครงสร้างทางเคมีของเมโทรนิดาโซล

การรักษานั้น วิธีที่ดีที่สุดและได้ผล คือการป้อน และการผสมอาหารให้กินครับ เนื่องจากเชื้อจะพบในทางเดินอาหารมากมาย การป้อน เราจะป้อนด้วยอัตราส่วน 50 mg/น้ำหนักปลา 1 กิโลกรัม โดยละลายยาที่คำนวณได้ ในน้ำสะอาด 1 cc. ต่อปลา 1 กิโลกรัม โดยป้อนด้วยกระบอกฉีดยาขนาดเล็ก ไม่ติดเข็ม เข้าทางปากปลา ทำทุกๆ 5 วัน วิธีการดังกล่าวยังจะช่วยการรักษาโรคขี้ขาวได้อีกด้วยครับ ส่วนปลาที่ยังกินอาหารอยู่ หรือปลาที่ไม่สะดวกในการป้อน เราจะใช้การผสมอาหารในอัตราส่วน 10 mg/อาหาร 1 กรัม โดยคลุกยากับอาหาร และพรมน้ำหมาดๆ เข้าด้วยกัน ผึ่งลมให้แห้ง และให้ปลากิน อาหารที่เหลือเก็บไว้ได้ในตู้เย็น การป้อนและการผสมอาหารเราจะทำติดต่อกัน จนกว่าอาการจะเริ่มดีขึ้น สังเกตได้จาก ปลาเริ่มมีการสร้างเนื่อเยื่อขึ้นมาทดแทนบริเวณรูดังกล่าวครับ
ส่วนวิธีการแช่นั้น อาจได้ผลช้ากว่าวิธีการข้างต้น แต่ก็เป็นวิธีที่สะดวกอีกวิธีหนึ่ง เราจะแช่ด้วยอัตราส่วน ยา 20 mg/น้ำ 1 แช่จนกว่าจะหาย โดยต้องทำการเปลี่ยนน้ำ และยา 30 เปอร์เซ็นต์ ทุกๆ 2 วันจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นครับ
หรือจะใช้วิธีการป้ายยาที่บริเวณแผล โดยการจับปลาขึ้นมาเหนือน้ำ เอากระดาษซับเมือกปลาบริเวณแผลออก และทาด้วยผงยาที่แกะออกมาจากแคปซูล หรือผงยาที่เราบดละเอียด บริเวณแผลดังกล่าวให้ทั่ว แล้วปล่อยปลาคืนลงตู้ครับ ทำวันเว้นวันจนกว่าจะหายเช่นกัน
ตัวยาอื่นๆที่ใช้ทดแทนกันได้ เช่น
ยาต้านโปรโตซัวร์ Dimetridazole (C5H7N3O2) แช่ด้วยอัตราส่วน 10 mg/ลิตร




รูปแสดงโครงสร้างทางเคมีของ ไดเมไทรดาโซล
ยาต้านจุลชีพ (antimicrobial agent) ฟูราโซลิโดน Furazolidone มีสูตรเคมีว่า C8H7N3O5


รูปแสดงโครงสร้างทางโมเลกุลของฟูราโซลิโดน

ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่ม nitrofuran ซึ่งก็โดนห้ามใช้ไปแล้วล่ะครับ ใครยังหาได้อยู่ก็ลองเอามาใช้กัน ใช้แช่ด้วยอัตราส่วน 20 mg/ลิตร
ส่วนถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยในบริเวณแผล เราจะพบการอักเสบ บวม เปื่อย บริเวณแผลดังกล่าวด้วย ให้เราแช่ด้วยยาปฏิชีวนะ หรือ ยาต้านจุลชีพต่างๆ ลงไปด้วยนะครับ เช่น อคริฟลาวิน 60 mg/ลิตร หรือ แอมม๊อกซี่ซิลิน 30 mg/ลิตร ครับ แช่ไปพร้อมๆกับยาต้านโปรโตซัวร์ข้างต้นเลยครับ
คิดว่าคงไม่มีอะไรจะเขียนแล้วล่ะครับสำหรับบทความนี้ หวังว่ามันคงมีประโยชน์ และสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ยามที่ท่านเจอปัญหาดังกล่าวนะครับ ผิดพลาดประการใด ผมก็กราบขออภัยไว้ ณ. ที่นี้ด้วยครับ เพื่อนๆท่านใด อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือ ถามตอบกันสดๆก็ เชิญที่เวปไซด์ http://gene-pool-aquarium.pantown.com/ ได้เสมอนะครับ ขอบพระคุณครับ
Buddha from Space ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #8 เมื่อ: 19/02/12, [12:36:08] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



จับทา AQ1
AOF [[RFC]] ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #9 เมื่อ: 19/02/12, [16:08:48] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณ คุณ joepsm มากครับ สำหรับข้อมูลแน่นปึ้ก


จับทา AQ1

ผมไม่มียา AQ1 มีแต่ AQ2 ใช้แทนได้ป่าวครับ แถวบ้านไม่มีขาย AQ1 ด้วยดิ แต่เมื่อคืนผมใส่ยาแก้อักเสบ เต็ดตร้าไซคลีน ไม่รู้ว่าจะพอช่วยได้ป่าว ผมไม่มีเวลาหาซื้อแล้วด้วย ต้องลงใต้ไปทำงาน ที่เหลือต้องฝากแฟนดูแลต่ออะครับ
aquamedical_fraghouse ออฟไลน์
Sponsor
« ตอบ #10 เมื่อ: 22/02/12, [10:55:26] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณ คุณ joepsm มากครับ สำหรับข้อมูลแน่นปึ้ก

ผมไม่มียา AQ1 มีแต่ AQ2 ใช้แทนได้ป่าวครับ แถวบ้านไม่มีขาย AQ1 ด้วยดิ แต่เมื่อคืนผมใส่ยาแก้อักเสบ เต็ดตร้าไซคลีน ไม่รู้ว่าจะพอช่วยได้ป่าว ผมไม่มีเวลาหาซื้อแล้วด้วย ต้องลงใต้ไปทำงาน ที่เหลือต้องฝากแฟนดูแลต่ออะครับ

ไม่มียา AQ1 ก็เอาสำลีชุบเบต้าดีน เช็ดแผลถูๆรอยแผลไปแค่นั้นก็พอแล้วครับ

มากกว่า 70% ของรอยโรค มักเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เชื้อ เฮกซามินต้า มันมีทั่วไปในน้ำและลำไส้ปลาอยู่แล้ว ทางรักษาที่ต้นเหตุจะดีที่สุดครับ ให้อาหารที่ดี มีการถ่ายโปรโตซัวบ้าง ปีละ 1-2 ครั้ง

AQ2 กับ เตตตร้า ไม่จำเป็นต้องใช้
AOF [[RFC]] ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #11 เมื่อ: 23/02/12, [01:07:22] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อาการล่าสุดของน้องหมอคะ รบกวนพี่ๆๆช่วยแนะนำวิธีรักษาให้หน่อยนะคะ

ส่วนการรักษาโดยวิธี เอาเบตาดีนเช็ดแผลอ่ะคะ แผลน้องเปื่อยและใหญ่ขึ้นมาก

น้องจะไม่เป็นอันตรายหรอค่ะ  สงสารน้องมากเลยคะ
[/size][/size]  cryingrun cryingrun cryingrun


อาการวันที่ 21-02-55


อาการวันที่ 22-02-55


ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่มาให้คำแนะนำ [สาวน้อยร้องไห้] [สาวน้อยร้องไห้] [สาวน้อยร้องไห้]
joepsm ออฟไลน์
Club Brother
« ตอบ #12 เมื่อ: 23/02/12, [20:04:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

อาการหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วน่ะเนี้ย เอาใจช่วยน่ะครับ รักษาคุณภาพไว้ครับ [on_062]
Pite ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #13 เมื่อ: 23/02/12, [21:58:28] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ผมเคยเลี้ยงนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยเจออาการอยู่ดีๆแผลเปื่อยอะไรแบบนี้
เคยแต่เจอแบบชนตู้ชนขอบแล้วแผลเหวอะ

ปลามันซึมหรือเปล่าครับ
ถ้าไม่ซึมผมว่ามันก็ยังโอเคอยู่นะครับ ยังไม่แย่ขนาดทำใจ
ต้องรักษาความสะอาดมากๆๆๆ เปลี่ยนน้ำ80-90% ทุกวันได้ยิ่งดีครับ เติมเกลือด้วยนะครับ

บางคนก็ใส่ยาเหลืองลงไปในตู้
บางคนก็เอายาม่วงๆที่ทาลิ้นเด็กมาทาแผล เช็ดแผลครับ

อ้อ แล้วก็มีใส่"อ๊อกซี่ยาเตตราไซคลิน"ครับ ซื้อตามร้านขายยา 20 มิลลิกรับต่อน้ำ 1 ลิตร
หาได้ตามร้านขายยาคนครับผม

ผมช่วยได้แค่นี้ครับ

อ้อ ขอเน้นอีกทีแรงๆ ว่าน้ำต้องสะอาดมากๆนะครับ ช่วงนี้คลอรินแรง น้ำจากก๊อกต้องระวังนะครับผม
AOF [[RFC]] ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #14 เมื่อ: 01/03/12, [02:59:43] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ล่าสุดนี้ น้องปลาหมอ ได้จากไปแล้วครับ ขอบคุณทุกๆคำแนะนำมากครับ เสียใจที่สุด แม้แต่อาการครั้งสุดท้ายผมก็ไม่ได้เห็น แม้กระทั่งขุดหลุมฝัง ผมเองยังไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แฟนผมเป็นคนดูแล รักษาพยาบาลแทน ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เนื่องจากติดงาน ทัวร์คอนเสิร์ต M-150 ที่ภาคใต้ เสียใจที่สุด เค้าเป็นเหมือนครอบครัว เค้าเป็นสัตว์น้ำตัวแรก เป็นปลาตัวแรกในบ้านหลังนี้ จากที่ผมไม่เคยชอบเลี้ยงสัตว์น้ำเลย จนกระทั่งรุ่นพี่ผม ได้ให้เอามาให้พ่อผมเลี้ยง จนกระทั่งเค้าเติบโตจนตู้ 20 เล็กไปสำหรับเค้า ผมจึงขยับขยายตู้เป็นไซส์ 48 เพื่อเค้าจะได้อยู่อย่างสบาย ไม่คับแคบอึดอัด จากนั้นก็หาปลามาอยู่เป็นเพื่อนให้เค้าว่ายไล่เล่น เป็นปลานกแก้ว กับตะเพียนทอง ผมเริ่มเป็นคนดูแลเอง เนื่องจากเป็นคนเปลี่ยนตู้ พ่อเลยยกหน้าที่ให้จัดการ ทุกวันหลังจากพ่อกับแม่ กลับมาจากที่ทำงาน มักจะมายืนดู เจ้าปลาหมอตัวนี้ ว่ายไล่ปลาอื่นๆในตู้บ้าง สร้างศิลปะจากกรวดหินบ้าง ว่ายสะบัดเอาตัวรูดพื้นไปมาบ้าง พิมไปพิมมาก็เศร้าครับ ไม่เคยคิดเลย ว่าผมจะรักสัตว์น้ำตัวเล็กๆได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่ผ่านมา ไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์น้ำพวกนี้เลยสักครั้ง
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: