Aqua.c1ub.net
*
  Mon 23/Jun/2025
หน้า: 1   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคของปลาสวยงามที่เกิดจากสภาพแวดล้อม  (อ่าน 14371 ครั้ง)
~ PaLm ~ ออฟไลน์
Club Veteran
« เมื่อ: 13/12/07, [19:41:06] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

                1. Acidosis  เกิดจากน้ำเป็นกรดมากเกินไป  ปลาจะพยายามกระโดดไปมาคล้ายจะหนีออกมาจากน้ำ  มีอาการหายใจและว่ายน้ำผิดปกติ  ถ้านานจะเห็นการอักเสบมีเมือกมากของผิวหนังและเหงือกจนอาจมีอาการเลือดออก  บางครั้งสีปลาจะจัดขึ้นด้วย

                2. Alkalosis  เกิดจากน้ำเป็นด่างมากเกินไป ปลาจะมีอาการเหงือกซีดและมีการกร่อนของผิว  มีเมือกมาก  ในระยะแรกจะเห็นผิวเป็นสีขาวฟ้าขุ่น  ครีบกร่อน  ควรปรับสภาพน้ำให้พอเหมาะโดยอาจใช้น้ำส้มสายชูช่วย

                3. พิษจากแอมโมเนีย  แอมโมเนียเป็นของเสียที่ได้มาจากปลา  เมื่อมีการสะสมมากขึ้นจะก่อให้เกิดความระคายเคืองอย่างรุนแรงต่อเยื่อเมือก  ปลาจะมีอาการหายใจลำบาก  จนในที่สุดจะเกิดอาการชักเกร็งและตายในที่สุด  การเพิ่มความเป็นกรดในน้ำจะลดความเป็นพิษของแอมโมเนียได้  การเปลี่ยนถ่ายน้ำ 50% ของน้ำในตู้  และเพิ่มแบคทีเรียเข้าไปก็ช่วยลดแอมโมเนียได้เช่นกัน

                4. พิษของไนไตรต์  มักเกิดขึ้นในช่วงแรกที่เริ่มการทำงานของระบบกรองน้ำ  ซึ่งยังมีแบคทีเรียไม่เพียงพอ  เมื่อมีการสะสมมากขึ้น  ปลาจะมีอาการหายใจลำบากและเหงือกสีดำคล้าจัดมาก  อาจชักตายเพราะระบบหายใจอัมพาตได้  ควรใส่แบคทีเรียเข้าไปช่วยลดไนไตรต์ด้วย

                5. อุณหภูมิน้ำสูงเกินไป  ปลาจะมีอาการว่ายน้ำอย่างรวดเร็วและอาจจะหายใจแรงและเร็วกว่าปกติ  ถ้าไม่แก้ไขอาจจะเกิดอาการเส้นเลือดแตกที่ผิวหนังและครีบได้  การเติมเกลือแกง 0.5-1.0% ลงในน้ำจะทำให้อัตราการรอดตายสูงขึ้น

                6. อุณหภูมิน้ำต่ำเกินไป   ปลาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเย็นจะมีสีซีด  ครีบห่อ  ว่ายน้ำช้าๆอยู่กับที่  บางครั้งจะหมุนว่ายอย่างรวดเร็วหรือว่ายส่ายไปส่ายมา  ถ้าไม่แก้ไขปลาอาจมีปัญหาในการทรงตัวได้  การเกิดโรคนี้จะทำให้ความสามารถในการรักษาความเข้มข้นของเลือดเสียไป  และไตวายได้

                7. พิษจากคลอรีน  ปกติแล้วคลอรีนจะเป็นพิษมากต่อปลาสวยงาม  เมื่อถูกสารนี้ปลาจะมีอาการสีซีดลงและหายใจติดขัด  เนื่องจากมีการระคายเคืองของเนื้อเยื่อที่เหงือก  อัตตราการตายจะขึ้นอยู่กับระดับของคลอรีน  ถ้าได้มากกว่า 0.5 พีพีเอ็มก็มักทำให้เกิดการตายภายในระยะเวลาอันสั้น  แต่ถ้าได้รับปริมาณน้อยเป็นเวลานาน จะมีอาการตาถลนด้วย  อาจใช้โซเดียมไทโอซัลเฟตเป็นสารลดปริมาณคลอรีนที่รวดเร็วได้

                8. พิษจากผงซักฟอก  ผงซักฟอกเป็นพิษต่อปลาอย่างมาก  โดยมากจะเกิดกับการล้างตู้ปลาที่ผิดๆ  โดยมีผงซักฟอกเหลืออยู่  ทำให้ปลาระคายเคืองเพราะไปทำลายเมือกซึ่งปกคลุมตัวปลาอยู่  โดยเฉพาะบริเวณเหงือก  นอกจากนั้นยังอาจจะถูกดูดซึมเข้ากับเม็ดเลือด  ทำให้ปลาตายได้  โดยผิวอาจแสดงอาการสึกกร่อนในกรณีที่มีความเข้มข้นมาก  ยังไม่มีสารที่ช่วยทำลายพิษชนิดนี้ได้

                9. พิษจากก๊าซไข่เน่า  ก๊าซชนิดนี้มักเกิดขึ้นเมื่อมีการอุตตันของระบบกรอง  มักจะมีสาหร่าย(น่าจะเป็นตะไคร่)ขึ้นระยะแรก  ก๊าซนี้จะแย่งจับออซิเจนกับเม็ดเลือดและทำลายระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง  ถ้ามีความเข้มข้นเกิน 10 พีพีเอ็ม สามารถทำให้ตายได้  แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยจะมีอาการเครียดและพยายามขึ้นมาหายใจที่ผิวน้ำ  เหงือกมีสีม่วงเข้ม  การแก้ไขควรจะปรับปรุงระบบกรองไม่ให้มีการหมักหมมของของเสียมากเกินไป

               10. พิษของนิโคติน  ตามกระทู้นี้เลยคับ  http://clubaquaplant.org/forum/index.php?topic=15611.0

               11. พิษจากยาฆ่าแมลง  มักเกิกขึ้นเพราะความไม่ระมัดระวัง  เช่น  ฉีดยาฆ่าแมลงในห้องที่มีตู้ปลาสวยงาม  อาการของปลาที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารยาฆ่าแมลง  แต่โดยทั่วไปมักมีอาการชักและเสียหน้าที่ของระบบประสาท

               12. การขาดออกซิเจน  ถ้ามีการให้ออกซิเจนไม่เพียงพอ  ปลาจะมารวมกันที่ผิวน้ำเพื่อพยายามหายใจ  การรักษาก็คือการลดอุณหภูมิและเพิ่มการให้ฟองอากาศ  ถ้าทิ้งไว้นานอาจจะทำให้เหงือกปิดเสียรูปไปได้

               13. การเกิดเนื้องอกในปลา  เป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในปลาสวยงาม  มักเกิดจากการได้รับสารก่อมะเร็งสะสมอยู่ในน้ำ  พันธุ์ปลาแต่ละชนิดจะมีโอกาสเป็นไม่เท่ากัน  แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเนื้องอก
     
         คัดลอกจาก หนังสือ ครบเครื่องธุรกิจปลาสวยงาม ของ ศุภชัย  นิลวานิช
         
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยโทษด้วยนะครับ  หรือถ้าแอดมินไม่พอใจก็เอาออกได้นะครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/12/07, [21:33:28] โดย PLNZ »
Longhairguy ออฟไลน์
Shrimp Admin
« ตอบ #1 เมื่อ: 13/12/07, [19:41:44] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอบคุณครับ coo01
~ m @ y ~ ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #2 เมื่อ: 13/12/07, [20:58:54] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ข้อ 13 หายไปไหน con01
Kasama ออฟไลน์
Club Leader
« ตอบ #3 เมื่อ: 13/12/07, [21:25:53] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ข้อ 13 หายไปไหน con01
ผมว่าเค้ารอพี่มาบอกเนี่ยแหละ  hide1
~ PaLm ~ ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #4 เมื่อ: 13/12/07, [21:34:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอโทษด้วยคับ เขียนเร็วไปหน่อย อันที่จริงมี13ข้อ(ย่อมา)  แก้ให้แล้วคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14/12/07, [17:56:12] โดย PLNZ »
NOnseNes ออฟไลน์
Club Member
« ตอบ #5 เมื่อ: 26/02/08, [19:30:27] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ถ้าหากน้ำเป็นกรดทำอย่างไรถึงจะลดกรดได้ล่ะค่ะ (ห้ามบอกนะว่าให้ใช้อีโน) fire1 fire1 fire1
banx ออฟไลน์
Hot Member
« ตอบ #6 เมื่อ: 26/02/08, [20:42:36] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

น้ำเป็นกรดก็ต้องเพิื่มบัฟเฟอร์ครับ ส่วนใหญ่จะเกิดกับปลาบ่ออย่างปลาคาร์ฟเวลาฝนตกใหม่ๆ น้ำจะเป็นกรดทำให้ปลาไม่สบายตัว โดดกันกระจาย เอาแคลเซียมคาร์บอร์เนตในเปลือกหอยเป็นตัวช่วยปรับสภาพได้ โดยเอาเปลือกหอยนางรมที่หายเค็มแล้วใส่ถุงตาข่ายแช่ไว้ในบ่อก็ได้ครับ
chocolate ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #7 เมื่อ: 29/02/08, [20:59:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

น้ำเป็นกรดก็ต้องเพิื่มบัฟเฟอร์ครับ ส่วนใหญ่จะเกิดกับปลาบ่ออย่างปลาคาร์ฟเวลาฝนตกใหม่ๆ น้ำจะเป็นกรดทำให้ปลาไม่สบายตัว โดดกันกระจาย เอาแคลเซียมคาร์บอร์เนตในเปลือกหอยเป็นตัวช่วยปรับสภาพได้ โดยเอาเปลือกหอยนางรมที่หายเค็มแล้วใส่ถุงตาข่ายแช่ไว้ในบ่อก็ได้ครับ

งั้นก็แสดงว่า เวลากินหอออยนางรมเสร็จแล้วเก็บเปลือกหอยแช่น้ำไว้ให้หายเค็มเอาไว้ใช้งานได้ใช่ป่ะ ครับ   [ปิ๊งๆๆ]
[ LP ] ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #8 เมื่อ: 01/03/08, [15:29:38] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

หอยลาย ตราสามแม่ครัวได้ม่ะ evi01
---//--- ออฟไลน์
Club Veteran
« ตอบ #9 เมื่อ: 01/12/08, [10:31:29] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ได้แบบเต็ม ๆ เลยครับ ขอบคุณมากครับ +1 ครับ
 lau01 lau01 lau01
NGOWAQUAGUPPY ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #10 เมื่อ: 03/02/09, [22:18:56] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับ
kenII ออฟไลน์
Club Follower
« ตอบ #11 เมื่อ: 24/02/09, [22:15:17] »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ

ขอเพิ่มเรื่องอุณหภูมิแกว่งเกินไปด้วยนะครับ เผื่อมือใหม่ซิงๆมาอ่าน 


ถ้าอุณหภูมินิ่งแกว่งน้อยๆแล้ว จะร้อนจะเย็นปลาส่วนมากก็ไม่เป็นจุดขาวหรอกครับ  gossip
หน้า: 1   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: