ดูรูปภาพประกอบบทความได้ที่นี่จ้า
http://myaqualove.blogspot.com/2010/09/blog-post_9006.html
ใครๆก็รู้จักปลากัดไทย…
ฝรั่งเรียกปลาที่พองตัวทุกครั้งเมื่อเจอหน้ากันชนิดนี้ว่า “Siamese Fighting Fish” หรือ “ปลานักสู้แห่งสยาม”
ปลา กัดไทยแบ่งออกง่ายๆเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือปลากัดก่อหวอด แบบที่เรารู้จักกันทั่วไป เช่น ปลากัดหม้อ ปลากัดลูกทุ่ง ปลากัดจีน แต่ยังมีปลากัดอีกกลุ่มซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้จักคือ ปลากัด “อมไข่” ด้วยพวกมันจะอมไข่ไว้ในปากจนกระทั่งฟักออกมาเป็นตัว เพราะปลากัดกลุ่มนี้มักอาศัยตามแหล่งน้ำไหล หรือลำธารต่างๆ สภาพแวดล้อมโดยรอบไม่อำนวยต่อการสร้างหวอด มันจึงต้องมีวิวัฒนาการเพื่อดำรงสายพันธุ์ไว้
ปลากัดอมไข่ในประเทศ ไทยส่วนมากมีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่ภาคตะวันออกไปจนถึงจังหวัดใต้สุดของไทย ส่วนในต่างประเทศมีกระจัดกระจายอยู่ในแหล่งน้ำของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ เช่น มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย เป็นต้น ปลากัดกลุ่มนี้ส่วนมากมีลำตัวขนาดเล็ก ความยาวของลำตัวโดยเฉลี่ยเพียง 2 นิ้วฟุต จะมีเพียงบางชนิดที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เช่น ปลากัดป่าบรูไน (Betta macrostoma) หรือปลากัดช้าง (Betta pi) ของเรา
ในบ้านเรามี รายงานการพบปลากัดอมไข่ราว 5 หรือ 6 ชนิด บางชนิดเป็นปลาเฉพาะถิ่น เช่น ปลากัดกระบี่ (Betta simplex) พบเฉพาะที่ประเทศไทยแห่งเดียวในโลก ปลากัดชนิดนี้มีเครื่องครีบสีฟ้าเรื่อๆสวยงาม แม้จะมีสีสันไม่สวยงามเท่าไร แต่ด้วยอุปนิสัยและหน้าตาที่ค่อนข้างแปลกไปจากปลาสวยงามชนิดอื่นๆที่เห็นกัน เกลื่อนตลาด ก็ทำให้นักเลี้ยงปลาอีกหลายคนใฝ่ฝันถึงได้ไม่ยาก ส่วนปลากัดป่าจากต่างประเทศหลายตัวทำให้ผู้ชื่นชอบปลาขนาดเล็กหลงใหลในความ งามได้ง่ายๆ เช่น ปลากัดอัลบิ (Betta albimarginata) ที่มีพื้นลำตัวสีน้ำตาลแดง ขอบครีบล่างมีสีขาวสะอาด ตัดกับครีบอื่นๆที่เป็นสีดำ แม้ปลากัดชนิดนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่มีคนไทยนำปลาชนิดนี้มาเลี้ยงจนกระทั่งประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ แล้วหลายราย หรือจะเป็นปลาสีแดงสดอย่างปลากัดป่าค็อกซินา (Betta coccina) ก็มีสีสันเร้าใจไม่แพ้กัน
ก่อนจะเลี้ยงปลากัดป่าอมไข่ ผู้เลี้ยงควรทำการบ้านมาเป็นอย่างดีว่าสถานที่ที่พวกมันจากมามีสภาพอย่างไร หากเป็นปลากัดที่อาศัยอยู่ตามลำธารทั่วๆไป ปลากัดป่าพวกนี้ชอบน้ำสะอาดและมีออกซิเจนสูง การเลี้ยงควรมีพื้นที่กว้างกว่าปลากัดก่อหวอดอยู่พอสมควร ตู้ใบเล็กๆขนาดราว 12 นิ้วที่มีผู้ทำขายสำเร็จรูปนั้น สามารถเลี้ยงปลากัดป่าชนิดที่มีขนาดเล็กๆได้หนึ่งคู่ โดยอาจเพิ่มปั๊มลมลงไปบ้างเพื่อให้ปลารู้สึกสบายตัวมากขึ้น แต่ถ้าเป็นปลากัดชนิดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตู้ที่ใช้เลี้ยงควรมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย โดยภายในตู้ควรมีขอนไม้และพืชน้ำให้ปลาได้หลบซ่อนตัว ผู้เลี้ยงอาจไม่ได้เห็นปลาตลอดทั้งวัน แต่เมื่อมันปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้แล้ว พวกมันจะออกมาโชว์ตัวมากขึ้น
เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์จะมีสีสันสดใส กว่าเดิมตามธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นปลากัดที่มาจากพื้นที่พรุแล้ว ผู้เลี้ยงอาจต้องใช้น้ำหมักใบหูกวางหรือน้ำยา Black water ปรับสภาพน้ำให้มีสีน้ำตาลเหมือนชาเย็น ซึ่งน้ำสภาพนี้จะมีค่า PH ค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาเป็นโรคเปื่อย ซึ่งมักเกิดบ่อยครั้งกับปลาที่มักปรับตัวให้เข้ากับสภาพน้ำใหม่ไม่ได้
เรื่อง อาหารการกินนั้น ปลาเหล่านี้ไม่ได้กินอาหารยากเย็นอะไร พวกมันกินได้ทั้งอาหารสดและสำเร็จรูป ช่วงแรกอาจจำเป็นต้องให้กินอาหารสดขนาดเล็ก เช่น ไรทะเล หรือหนอนแดง ไส้เดือนน้ำต่างๆ ปลากัดป่าขนาดใหญ่ๆบางชนิดสามารถกินกุ้งฝอยตัวเล็กๆได้ไม่ยากเย็น และเมื่อปลาปรับตัวได้ อาหารสำเร็จรูปดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของปลาหลายๆตัวเช่นกัน
ที่มา : โดยหนังสือ โลกวันนี้ ปีที่ 10 ฉบับที่ 2489 ประจำวัน พุธ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2009 โดย ‘ภวพล’
|